เศรษฐกิจ เขย่า “ชลบุรี” ครึ่งปี 67 โรงงานปิดตัว 118 แห่ง อสังหาฯ เหลือขายนับแสนล้านบาท

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

เศรษฐกิจ เขย่า “ชลบุรี” ครึ่งปี 67 โรงงานปิดตัว 118 แห่ง อสังหาฯ เหลือขายนับแสนล้านบาท

Date Time: 25 ก.ค. 2567 10:16 น.

Video

“The Summer Coffee Company” มากกว่า เครื่องดื่ม คือ ความสุข | Brand Story Exclusive EP.3

Summary

  • เศรษฐกิจ เขย่า “ชลบุรี” จากดาวเด่นอุตสาหกรรม สู่พื้นที่ “โรงงานปิดตัว” สูงสุด ครึ่งปี 67 ล้มแล้ว 118 แห่ง กำลังซื้ออ่อนแอ ฉุดยอดขายอสังหาฯ ซัพพลาย เหลือขายนับแสนล้าน 

Latest


ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม รายงานข้อมูลแนวโน้มการปิดตัวของโรงงานในประเทศไทย โดยพบว่าช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 (ม.ค.-มิ.ย.) มีการแจ้งเลิกทะเบียนโรงงาน รวมแล้วทั้งสิ้น 667 แห่ง คิดเป็นทุนจดทะเบียน อยู่ที่ 18,091 ล้านบาท และมีผลกระทบต่อการจ้างงานสูงถึง 17,674 คน

ขณะส่วนต่างของจำนวนโรงงานที่เปิดตัวใหม่และปิดตัวในช่วงเวลาดังกล่าว ลดลง 109 แห่ง ซึ่งส่งสัญญาณน่าเป็นห่วงมากขึ้นเกี่ยวกับภาคการผลิตของไทย พร้อมๆ กับความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลก และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ที่เป็นไปอย่างเชื่องช้า 

โดยโรงงานที่ปิดตัว กระจายหลากหลายอุตสาหกรรม มากสุดในกลุ่มโรงโม่ บดย่อยหิน / โรงขุด, โรงงานอาหารและเครื่องดื่ม, การทำยางขั้นต้น / ผลิตภัณฑ์ยาง, เหล็ก และโลหะ เป็นต้น ส่วนแรงงานที่ถูกเลิกจ้าง กระจุกตัวอยู่ในกลุ่มแปรรูปไม้ / ผลิตภัณฑ์กระดาษ, ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์ไฟฟ้า, กิจการสิ่งทอ และเครื่องนุ่งห่ม 

ชลบุรี โรงงานปิดตัว สูง 118 แห่ง 

เมื่อเจาะดูรายพื้นที่ ข้อมูลในชุดเดียวกันระบุว่า จังหวัดชลบุรี ได้กลายเป็นพื้นที่อันดับ 1 ที่ในช่วง 6 เดือนแรกของปี มีการปิดตัวของโรงงานสูงสุด จำนวน 118 แห่ง รองลงมา คือ สมุทรปราการ 45 แห่ง และกรุงเทพฯ 44 แห่ง


ทั้งนี้ เป็นที่รับรู้กันว่า “จังหวัดชลบุรี” เป็นจังหวัดที่มีระบบเศรษฐกิจและศักยภาพสูงระดับประเทศ โดยมีมูลค่า GPP อยู่ที่ 1,059,797 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนมากถึง  43.44 ของ GDP กลุ่มจังหวัด EEC และหากคิดเป็นสัดส่วน 6.27% ของ GDP ประเทศไทย อยู่ในลำดับที่ 3 รองจากจังหวัดระยอง และกรุงเทพฯ เท่านั้น 

อย่างไรก็ดี จะพบว่าทุกครั้งที่เกิดภาวะช็อกทางเศรษฐกิจเมืองอุตสาหกรรม และมีศักยภาพครบทั้งในภาคการท่องเที่ยว และเชิงพาณิชย์ มักเห็นภาพผลกระทบเกิดขึ้นเป็นลำดับต้นๆ เนื่องจากเป็นพื้นที่แหล่งงานขนาดใหญ่ มีนิคมอุตสาหกรรม และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทั้งในภาคการผลิต การส่งออก ท่องเที่ยว และบริการ โดยมีนิคมอุตสาหกรรมใหญ่ที่เป็นที่รู้จักกันอย่าง นิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรี, นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร, นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง, นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง หรือ จะเป็นนิคมอุตสาหกรรมพานทองเกษม ชลบุรี ที่เป็นศูนย์รวมของอุตสาหกรรมกระจก เป็นต้น 

ขณะข้อมูลในภาพรวมเกี่ยวกับรายได้เฉลี่ยประชากรต่อคนต่อปี อยู่ที่ 143,407.08 บาท อําเภอที่มีรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีมากที่สุด ได้แก่ อําเภอสัตหีบ 217,945.36 บาท ส่วนอําเภอที่มีรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีน้อยที่สุด ได้แก่ อําเภอบ่อทอง 78,839.54 บาท

จับสัญญาณตลาดที่เกี่ยวข้องกับ “กำลังซื้อ” อย่างตลาดอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มที่อยู่อาศัยพิษของวิกฤติโควิด และปัญหาเศรษฐกิจที่ไม่สดใสอย่างหวัง ประกอบกับปัจจัยซึมในภาคการผลิต ดอกเบี้ย และเงินเฟ้อ ก็ส่งผลต่อตลาดอสังหาฯ อย่างชัดเจนเช่นกัน 

กำลังซื้ออ่อน ดัน ซัพพลายเหลือขายพุ่งแสนล้าน 

โดยข้อมูลของ REIC (ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์) รายงานว่า ผลการสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยรายจังหวัดในไตรมาส 1 ปี 2567 ของจังหวัดในพื้นที่ EEC พบ แม้จังหวัดชลบุรีจะมีโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า มากกว่า 448% โดยเฉพาะในกลุ่มโครงการคอนโดมิเนียม 

แต่พบว่าชลบุรียังมีที่อยู่อาศัยเหลือขาย เป็นจำนวน 29,224 หน่วย เพิ่มขึ้น 10.8% รวมเป็นมูลค่า 110,161 ล้านบาท ราว 17,300 หน่วย เหลือขายในกลุ่มคอนโดฯ มูลค่า 66,383 ล้านบาท กระจายอยู่ใน 3 ทำเลอันตรายหลักๆ ได้แก่ 

  • ทำเลจอมเทียน 
  • ทำเลพัทยา-เขาพระตำหนัก 
  • ทำเลนิคมฯ อมตะนคร-บายพาส 

ซึ่ง ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการ REIC ให้ความเห็นว่า แม้ตลาดที่อยู่อาศัยในชลบุรีในภาพรวมยังเป็นตลาดที่มีโอกาสที่จะขยายตัวได้ แต่ต้องระวังซัพพลายส่วนเกินของคอนโดฯ ที่เป็นอยู่ขณะนี้ และทาวน์เฮาส์ที่ทิศทางของยอดขายปรับตัวลดลงต่อเนื่องมา 5 ไตรมาสติดต่อกันแล้ว ส่งผลให้มีอสังหาฯ เหลือขายเพิ่มสูงขึ้นถึง 26%.

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ Thairath Money ได้ที่ 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์