"เศรษฐา" สั่งลุยแก้หนี้ครัวเรือน ลดเดือดร้อนประชาชน ฟื้นเชื่อมั่นเศรษฐกิจ

ครม.เศรษฐกิจหาแนวทางฟื้นความเชื่อมั่น “เศรษฐา” สั่งเดินหน้าลุยแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน หลังเศรษฐกิจตกต่ำ สัญญาณฟื้นไม่ชัดเจน ต้องแก้หนี้ประชาชนก่อน ทั้งหนี้บ้าน รถยนต์ บัตรเครดิต ส่วนหนี้นอกระบบสั่งให้ยึดหลักการเดียวกับพิโก ไฟแนนซ์ และออกใบอนุญาตให้เจ้าหนี้นอกระบบกลับใจ

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยถึงผลประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า นายกฯมีข้อสั่งการจำนวนมากให้แก้ปัญหา เนื่องจากเศรษฐกิจวันนี้ค่อนข้างตกต่ำ สัญญาณฟื้นตัวไม่ชัดเจน ค่อยๆขึ้น ไม่ทันใจ ส่วนปัญหาหนักอกใหญ่ที่สุดคือ หนี้ครัวเรือน ที่สูงถึง 13.6 ล้านล้านบาท คิดเป็น 90% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) และหนี้ของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี)

“หนี้ประชาชนเป็นปัญหาสำคัญสุด หากหนี้รัฐเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อย และหนี้ประชาชนลดลงได้ ก็ไม่เป็นไร หนี้ครัวเรือนที่ 13.6 ล้านล้านบาทนั้น ปัจจุบันเป็นหนี้เสียแล้ว 1 ล้านล้านบาท และกำลังจะเป็นหนี้เสียเพิ่มขึ้นอีก โดยหนี้ประชาชนครึ่งหนึ่งเป็นหนี้บ้าน รถยนต์ ถัดมาเป็นหนี้บัตรเครดิต และหนี้เพื่อการบริโภค ซึ่งการช่วยแก้ปัญหาหนี้จะสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจมากขึ้น”

สำหรับการแก้หนี้บ้าน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ปล่อยกู้ 34% ของหนี้ทั้งหมด ลูกหนี้ 80,000 กว่ารายไม่สามารถคืนหนี้ได้ ก็ต้องทำคลินิกขึ้นมาแก้ไข เอา ธอส.มานั่งคุยกับลูกหนี้ทั่วประเทศ หากไม่ไหวจริงๆ ก็ยืดเวลาผ่อนชำระถึงอายุ 80 ปี ส่วนข้าราชการได้ถึงอายุ 85 ปี ใครทำท่าจะเป็นหนี้เสียก็มาเข้าคลินิกได้ ยืดหยุ่นให้ทุกอย่าง เงินต้นจ่ายน้อยๆ เดือนละ 1,000 บาท ปีแรกดอกเบี้ย 0% ตอนนี้มีลูกหนี้มาเข้าคลินิกแล้ว 50,000 ราย นายกฯสั่งการให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขอความร่วมมือธนาคารพาณิชย์ในการแก้ไขด้วย

ส่วนหนี้รถยนต์จะเน้นแก้หนี้ให้ลูกค้าที่กู้ซื้อรถกระบะ และมอเตอร์ไซค์ เพราะเป็นเครื่องมือทำมาหากินจะหารือกับบริษัทที่ยึดรถ เสียหายเท่าใดก็ตัดไปแล้วตั้งสำรอง การแก้ไขต้องตั้งบนสมมติฐานนั้น จึงรับไปดูแล้วกลับมารายงานที่ประชุมอีกครั้ง ขณะที่หนี้บัตรเครดิตฟังแล้วตกใจ มีบัตรเครดิตในประเทศ 24 ล้านใบ เป็นหนี้เสีย 1.1 ล้านใบ ทำท่าจะเสียอีก 200,000 ใบ รวมเป็น 1.3-1.4 ล้านใบ พอครบกำหนดไม่จ่ายหนี้ก็จะถูกเบี้ยปรับสูง จริงๆมีช่องทางแก้ไขคือคลินิกแก้หนี้ คนที่ดูแลคือ ธปท.มอบหมายให้บริษัทบริหารสินทรัพย์เป็นตัวกลาง ซึ่งบริษัทบัตรเครดิตหลายแห่งให้ความร่วมมือ ขอให้ ธปท.หารือบริษัทบัตรเครดิตให้กลับมาใช้วิธีนี้ และนายกฯขอให้พิจารณาลดจ่ายเงินขั้นต่ำจาก 8% เหลือ 5% เพราะตอนนี้คนลำบาก ให้เขาอยู่ได้ก่อน แล้ววินัยการเงินค่อยๆแก้อีกที

นอกจากนี้ ยังมอบให้กระทรวงการคลังเร่งพิจารณาแก้ปัญหาหนี้ของกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) โดยเฉพาะการคำนวณยอดหนี้ ให้เป็นไปตามกฎหมายใหม่ ปัจจุบันมีผู้จ่ายเงินเกิน 170,000 ราย คิดเป็นเงิน 2,100 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลจะรีบคืนเงินให้อีกส่วนคือ 2 ล้านรายกำลังคำนวณยอดหนี้ คิดเป็นเงินกว่า 54,000 ล้านบาท ส่วนหนี้นอกระบบ ที่ผ่านมามหาดไทยและคลัง ได้ขึ้นทะเบียนหนี้นอกระบบ โดยรัฐบาลพยายามหาทางดึงเข้ามาอยู่ในระบบ ซึ่งคลังจะคิดวิธีต่างๆ ที่แก้ปัญหาหนี้ทั้งระบบ อาจเป็นวิธีการแก้แบบนอกกรอบ เร็วๆนี้จะชัดเจนขึ้น

ด้านนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญต่อปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งการแก้ปัญหาจำเป็นต้องใช้เวลา ไม่สามารถฟื้นเศรษฐกิจได้ทันที โดยมุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจระยะสั้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน โดยเฉพาะจากหนี้ครัวเรือน โดยมาตรการแก้ปัญหาหนี้บัตรเครดิต นายกฯ มอบให้ ธปท.หารือกับธนาคารพาณิชย์ กำหนดแนวทางช่วยเหลือให้เป็นรูปธรรมใน 2 สัปดาห์ และแถลงให้ประชาชนทราบ ส่วนมาตรการแก้หนี้นอกระบบ นายกฯมอบให้นายพิชัยหารือกับนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ดึงหนี้นอกระบบให้เข้ามาอยู่ในระบบ ยึดหลักการเดียวกับพิโก ไฟแนนซ์ และออกใบอนุญาตให้เจ้าหนี้นอกระบบกลับใจ.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่