ยอด “ดิจิทัล” หดเหลือ 4.5 แสนล้าน เมินแบงก์ ธกส. ใช้งบฯปี 67-68 ได้แน่ไตรมาส 4

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

ยอด “ดิจิทัล” หดเหลือ 4.5 แสนล้าน เมินแบงก์ ธกส. ใช้งบฯปี 67-68 ได้แน่ไตรมาส 4

Date Time: 11 ก.ค. 2567 05:09 น.

Summary

  • โครงการเรือธงแจกเงินหมื่นโคลงเคลงอีกกระทอก ทีมงานกระทรวงการคลังหั่นวงเงินแจกเหลือ 4.5 แสนล้านบาท ปรับแหล่งเงินไม่ใช้เงิน ธ.ก.ส.เหลือแค่ 2 แหล่ง เบิกจากงบฯปี 67-68 เท่านั้น

Latest

ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ย้ำชัด ไทยไม่ลด "ดอกเบี้ย" ตามเฟด ชี้ "บาทแข็งค่า" ไม่ทุบทิศทางส่งออกไทย

โครงการเรือธงแจกเงินหมื่นโคลงเคลงอีกกระทอก ทีมงานกระทรวงการคลังหั่นวงเงินแจกเหลือ 4.5 แสนล้านบาท ปรับแหล่งเงินไม่ใช้เงิน ธ.ก.ส.เหลือแค่ 2 แหล่ง เบิกจากงบฯปี 67-68 เท่านั้น อ้างสำนักงบฯท้วงต้องตั้งงบให้ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ควรใช้งบสูงเกินเสียโอกาสพัฒนาด้านอื่น แถมปรับเกณฑ์ใช้จ่าย ห้ามซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า มือถือ ร้านค้าต้องใช้โทรศัพท์มือถือซิมแบบรายเดือนลงทะเบียนได้อย่างเดียว เพื่อตรวจสอบป้องกันกลโกง

หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์จนหนาหู นโยบายเรือธงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแจกเงินหมื่นส่อไม่เป็นไปตามไทม์ไลน์ เพราะรัฐบาลยังไม่ส่งเรื่องถามคณะกรรมการกฤษฎีกากรณีใช้แหล่งเงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) 1.7 แสนล้านบาท ล่าสุดที่ประชุมคณะอนุกรรมการกำกับดำเนินงานโครงการมีมติไม่ใช้เงินจาก ธ.ก.ส.แล้ว แถมหั่นงบลงจาก 5 แสนล้านบาทเหลือ 4.5 แสน ล้านบาท

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 10 ก.ค. ที่ห้องวายุภักดิ์ 1 กระทรวงการคลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกำกับดำเนินงานโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เป็นประธานประชุมคณะอนุกรรมการฯ ใช้เวลาหารือกว่า 4 ชั่วโมง โดยนายจุลพันธ์แถลงผลการประชุมว่า ที่ประชุมได้สรุปความเห็นปรับลดวงเงินที่จะนำมาใช้จ่ายในโครงการจาก 500,000 ล้านบาท เหลือ 450,000 ล้านบาท โดยประเมินว่าจะมีผู้มาใช้สิทธิ์ 45 ล้านคน จากก่อนหน้าที่คาดว่า จะมีผู้ใช้สิทธิ์ 50 ล้านคน และปรับแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ใหม่จากเดิมมาจาก 3 แหล่ง ได้แก่ 1.การบริหารงบฯปี 67 วงเงิน 175,000 ล้านบาท 2.การดำเนินการผ่านหน่วยงานภาครัฐ ธ.ก.ส. 172,300 ล้านบาท และ 3.งบฯปี 2568 อีก 152,700 ล้านบาท เปลี่ยนเป็นใช้งบฯปี 2567 จำนวน 160,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบฯเพิ่มเติม 122,000 ล้านบาท และงบฯจากการบริหารจัดการอีก 40,000 ล้านบาท และการใช้งบฯปี 2568 จำนวน 285,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบฯประจำ 152,700 ล้านบาท และมาจากการบริหารจัดการเพิ่มเติมอีก 132,300 ล้านบาท เช่น การใช้งบกลาง งบผูกผันที่ใช้ไม่ทัน หรือทำงบเพิ่มเติม ดังนั้น จะปรับเป็นใช้เงินจากงบฯปี 2567 และปี 2568 เท่านั้น ไม่ใช้เงินจาก ธ.ก.ส.เนื่องจากมีข้อท้วงติงจากสำนักงบประมาณ และกระทรวงการคลังว่า ไม่ควรตั้งงบฯที่สูงเกินไป เพราะจะทำให้เสียโอกาสนำเงินไปพัฒนาด้านอื่นๆ ส่วนการปรับเปลี่ยนการใช้แหล่งเงินเป็นไปตามความเหมาะสม และตามขั้นตอนของกฎหมายที่ถูกต้อง

นายจุลพันธ์กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบปรับเพิ่มรายการสินค้าที่ไม่สามารถใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ตซื้อได้อีก 3 รายการ ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์สื่อสาร เช่น โทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน เนื่องจากต้องการให้เม็ดเงินกระตุ้นการใช้จ่ายกับสินค้าที่ผลิตในประเทศ อีกทั้งป้องกันการกระจุกตัวการใช้จ่าย เพราะสินค้ากลุ่มนี้มีราคาสูง และผลิตจากต่างประเทศ ส่วนปุ๋ยเคมียังอนุญาตให้เงินดิจิทัลซื้อได้อยู่ หลักเกณฑ์อื่นๆยังคงเดิม โดยต้องใช้จ่ายรอบแรกจากประชาชนกับร้านค้าภายในรัศมีอำเภอ ส่วนการใช้จ่ายระหว่างร้านค้าต่อร้านค้า ไม่จำกัดพื้นที่ ขณะที่การถอนเงินออกต้องเป็นร้านค้าในระบบภาษี แต่ร้านค้าต้องลงทะเบียนใช้ซิมมือถือแบบรายเดือนเท่านั้นเพื่อป้องกันการทุจริต สามารถตรวจสอบได้ ขอย้ำว่าทั้งหมดยังเป็นมติของคณะอนุกรรมการฯเท่านั้น หลังจากนี้จะต้องเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ที่มีนายกฯเป็นประธานพิจารณาในที่ประชุมวันที่ 15 ก.ค. และวันที่ 24 ก.ค. จากนั้นนายกฯจะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ โดยขอยืนยันว่า โครงการจะเดินหน้าตามเดิม เริ่มลงทะเบียนภายในปลายเดือน ก.ค.หรือต้นเดือน ส.ค.และจะปิดลงทะเบียนก่อนสิ้นเดือน ก.ย.ประชาชนจะได้รับเงินไปใช้ได้ช่วงไตรมาส 4 เหมือนเดิม

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ