“นมโคไทย” ก้าวไกลด้วย FTA
Date Time: 4 ก.ค. 2567 05:49 น.
“Summary“
- ประเทศไทยได้ทยอยลดภาษีนำเข้าสินค้าทั้งหมดจาก 2 ประเทศเป็น 0% ยกเลิกมาตรการปกป้องพิเศษ รวมถึงยกเลิกโควตาภาษี และลดภาษีเป็น 0% ภายใน 20 ปี หรือในปี 68
- โดยนมและผลิตภัณฑ์เป็นหนึ่งในสินค้าจำนวนมากที่ไทยยังไม่พร้อมแข่งขันกับ “มหาอำนาจ” นมและผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ประเทศ จึงต้องขอเวลาปรับตัวนานถึง 20 ปี
ภายหลังความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย–ออสเตรเลีย และไทย–นิวซีแลนด์ บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.48 เป็นต้นมา
ประเทศไทยได้ทยอยลดภาษีนำเข้าสินค้าทั้งหมดจาก 2 ประเทศเป็น 0% ยกเลิกมาตรการปกป้องพิเศษ รวมถึงยกเลิกโควตาภาษี และลดภาษีเป็น 0% ภายใน 20 ปี หรือในปี 68
โดยนมและผลิตภัณฑ์เป็นหนึ่งในสินค้าจำนวนมากที่ไทยยังไม่พร้อมแข่งขันกับ “มหาอำนาจ” นมและผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ประเทศ จึงต้องขอเวลาปรับตัวนานถึง 20 ปี
แต่ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.68 เป็นต้นไป ไทยต้องลดภาษีเป็น 0% สำหรับการนำเข้านมดิบ นมผงขาดมันเนย และเครื่องดื่มประเภทนม/นม UHT จากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์
อย่างไรก็ตาม ตลอด 20 ปี หน่วยงานภาครัฐต่างๆได้พยายามเตรียมความพร้อมให้เกษตรกรโคนมและผู้ประกอบการนมโคและผลิตภัณฑ์ให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดการค้าเสรี “ของจริง” ในเร็วๆนี้
โดยเฉพาะ “กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ” กระทรวงพาณิชย์ ที่ได้ดำเนินโครงการ “โคนมไทยก้าวไกล ส่งออกได้ด้วย FTA” มาตั้งแต่ปี 61 จนถึงปัจจุบัน
โดยช่วยพัฒนาศักยภาพเกษตรกรโคนม สหกรณ์โคนม และผู้ประกอบการให้มีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น สามารถใช้ประโยชน์จาก FTA สร้างแต้มต่อการค้า ขยายตลาด ส่งออกในตลาด FTA
สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการ เช่น บริษัท แดรี่โฮม วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด และบริษัท แมรี่ แอน แดรี่ โปรดักส์ จำกัด จ.นครราชสีมา สหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์ค ห้วยสัตว์ใหญ่ จำกัด จ.ประจวบคีรีขันธ์ ฯลฯ
ซึ่ง 2 บริษัทแรกสามารถใช้ประโยชน์จาก FTA ส่งออกไปตลาดคู่ FTA ได้ โดยแดรี่โฮม ส่งออกโยเกิร์ตออร์แกนิกไปสิงคโปร์ นมพาสเจอไรซ์ไปกัมพูชาและนมอัดเม็ดไปฮ่องกง ส่วนแมรี่ แอน แดรี่ โปรดักส์ ส่งออกนมพาสเจอไรซ์ไปกัมพูชา มาเลเซีย และลาว
อีกทั้งยังสามารถต่อยอดการผลิตสินค้าด้วยนวัตกรรมผลิตนมที่มีความพิเศษ เช่น นม UHT แลกโตสฟรี, นม A2+ มีโครงสร้างโปรตีนคล้ายนมแม่ ย่อยง่าย, นมพาสเจอไรซ์ bed time ที่ช่วยให้หลับง่าย, นมอัดเม็ดเสริมโปรโอติกป้องกันฟันผุ เป็นต้น
ขณะที่สหกรณ์โคนมไทย–เดนมาร์ค ห้วยสัตว์ใหญ่ สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยใช้นวัตกรรมสร้างมูลค่าเพิ่ม และสร้างรายได้กว่า 350 ล้านบาทต่อปี อีกทั้งยังขยายผลิตภัณฑ์ โดยมีนมเม็ดรสทุเรียนหมอนทองป่าละอู ที่จะส่งออกไปอาเซียนและจีนในเร็วๆนี้
“นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล” อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ บอกว่า “โครงการนี้ทำให้ไทยขยายการส่งออกไปประเทศคู่ FTA ได้ โดย 80% ของผลิตภัณฑ์นมไทย ส่งออกไปอาเซียน ทั้งเวียดนาม กัมพูชา ลาว ตามด้วยจีน และมีรายได้จากการส่งออกผ่านโครงการนี้กว่า 300 ล้านบาท”
เมื่อถึงวันที่ 1 ม.ค.68 เกษตรกรผู้ประกอบการนมโคและผลิตภัณฑ์ น่าจะพร้อมแข่งขัน และอยู่รอดได้ในโลกการค้าเสรี!!
ฟันนี่เอส
คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม
Author
