นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยถึงการส่งออกของไทยในช่วงครึ่งปีหลัง ว่า ต้องจับตาปัญหาค่าระวางเรือที่กลับมาสูงขึ้นอีกครั้งในทุกเส้นทางจากปัญหาทะเลแดง ที่บางเส้นทางสูงขึ้นแบบผิดปกติ หรือสูงขึ้นแล้ว 30-40% ภายใน 1 เดือน ซึ่งสูงกว่าในช่วงเกิดวิกฤติทะเลแดงในระยะแรกเมื่อปลายเดือน ธ.ค.66 แม้ขณะนี้ยังไม่สูงเท่ากับช่วงโควิด-19 จึงอยากแนะนำให้ผู้ส่งออกประสานกับผู้นำเข้าใกล้ชิดในการส่งมอบสินค้า “สรท.ต้องการให้กระทรวงพาณิชย์เรียกประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) โดย สรท.จะเสนอให้ค่าบริการขนส่งทางทะเลเป็นบริการควบคุม เพื่อให้มีราคาอ้างอิงเป็นของไทยเอง และใช้เพื่อติดตามสถานการณ์เท่านั้น แต่ไม่ได้ใช้เพื่อการควบคุมหรือกำหนดเพดานราคา”
นอกจากนี้ ยังต้องเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ คือ ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์และการตั้งกำแพงภาษีการค้า โดยเฉพาะระหว่างจีน-สหรัฐฯ ที่ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อภาคการส่งออกอย่างต่อเนื่อง, ต้นทุนภาคการผลิต ทั้งค่าแรงขั้นต่ำที่อยู่ระหว่างพิจารณาปรับขึ้นราคาพลังงาน อาทิ น้ำมันและไฟฟ้า ค่าระวางเรือ และค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่ม หรือเซอร์ชาร์จต่างๆ ที่สูงขึ้นทุกเส้นทาง การขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์จากการเร่งผลิตและส่งออกของจีน, ผู้ส่งออกกลุ่มเอสเอ็มอีมีปัญหาเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการผลิตเพื่อการส่งออก และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กระทบต่อผลผลิตภาคการเกษตร อย่างไรก็ตาม สรท.ยังคงเป้าหมายการส่งออกในปี 2567 ขยายตัวไว้ที่ 1-2% เมื่อเทียบกับปี 2566 โดยช่วง 8 เดือนที่เหลือของปีนี้ ต้องส่งออก ให้ได้เฉลี่ยเดือนละ 24,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯท่ามกลางปัญหาต่างๆ ซึ่งหากสถานการณ์ไม่บานปลายไปกว่าปัจจุบัน ไทยจะรักษาระดับการส่งออกตามเป้าหมายได้.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่