ธปท.ลุ้นค้ำหนี้ “เอสเอ็มอี” เพิ่ม ผงะ!กู้แบงก์ไม่ได้เกินครึ่ง 1.14 ล้านรายหนี้นอกระบบ

นายสมชาย เลิศลาภวศิน ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานสัมมนา หัวข้อ “กลไกค้ำประกันเครดิต ตัวช่วยของ SMEs ในการเข้าถึงเงินทุน” ว่า จากจำนวน SMEs ที่มีอยู่ในขณะนี้ 3.2 ล้านราย จากข้อมูลพบว่า SMEs ไม่ถึงครึ่งหรือไม่ถึง 1.5 ล้านราย ที่เข้าถึงสินเชื่อในระบบธนาคารพาณิชย์ได้ นอกจากนั้น สินเชื่อ SMEs ในระบบหดตัวต่อเนื่องมาตลอด โดยไตรมาสแรกของปีนี้ติดลบ 5.1% โดยเหตุผลของการเข้าไม่เข้าถึงแหล่งเงินกู้ หรือเข้าถึงได้แต่แพงหรือ คือ SMEs มีทุนและความสามารถค่อนข้างจำกัด และอ่อนไหวต่อสภาพเศรษฐกิจสูง มีข้อมูลและประวัติทางการเงินในระบบไม่พอ ทำให้ผู้ให้สินเชื่อตัดสินใจยาก เพราะประเมินความเสี่ยงไม่ชัด การตั้งราคาที่เหมาะสมต่อการให้กู้ทำได้ยาก ธนาคารพาณิชย์จึงเลือกที่จะขอหลักประกัน แต่ SMEs ไม่มีหลักประกันเพียงพอในการกู้เงิน รวมทั้ง ผู้ให้กู้มองว่า การปล่อย SMEs รายเล็กมากๆ ต้นทุนไม่คุ้มค่า

“สิ่งที่เป็นตัวช่วยสำคัญที่ ธปท.ต้องการให้เกิดขึ้นคือ การช่วยเหลือค้ำประกันสินเชื่อ เพราะเป็นกลไกที่ช่วยแชร์ความเสี่ยงของผู้กู้ และผู้ค้ำประกัน ซึ่งหากพิจารณาในต่างประเทศ จะมีการค้ำประกันสามารถทำได้โดยไม่จำกัดประเภททั้งสินเชื่อ หุ้นกู้ และผลิตภัณฑ์ทางการเงินในรูปแบบอื่นๆ ทำให้ไม่กระจุกตัวในการค้ำประกันประเภทเดียว และยังมีการพัฒนาเพื่อคิดค่าค้ำประกันตามความเสี่ยงของลูกหนี้ ซึ่งในไทยเองก็ควรพิจารณาในช่องทางเหล่านี้”

นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า SMEs ในขณะนี้ 46.6% หรือ 1.49 ล้านรายที่ได้รับสินเชื่อในระบบ โดย 14.1% เป็นสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ และอีก 32.5% ได้รับจากธนาคารรัฐ ขณะที่อีก 35.7% หรือ 1.14 ล้านราย ยังต้องกู้เงินนอกระบบ ขณะที่มีอีก 368,000 ล้านรายที่กู้เงินโดยวิธีไฟแนนซ์ ลิสซิ่ง หมุนเงินจากบัตรเครดิต บัตรเดบิต โรงรับจำนำ สหกรณ์และกองทุนหมู่บ้าน นอกจากนั้น ยังพบว่า SMEs มีแนวโน้มที่จะเป็นหนี้เสีย หรือผ่อนชำระได้แต่ไม่ได้ตามเงื่อนไข เช่น ผ่อนเดือนเว้นเดือน หรือเดือนเว้นสองเดือนเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนนี้ต้องการช่วยเหลือจากภาครัฐ ขณะที่ พบว่า 77% ของผู้ที่ไม่เคยอยู่ในระบบต้องการเข้าถึงสินเชื่อในระบบ.

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่