ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ วงเงิน 122,000 ล้านบาท สำหรับเป็นงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ
โดยมีแหล่งเงินจากการจัดเก็บรายได้ที่เดิมไม่ได้กำหนดไว้ในประมาณการเพิ่มเติม จำนวน 10,000 ล้านบาท และเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 112,000 ล้านบาท โดยเงินจำนวนดังกล่าวนี้จะนำไปดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet
อย่างไรก็ตาม สำนักงบประมาณได้ระบุว่า คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2567 เห็นชอบแนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2567 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2567 เห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2568 - 2571) ฉบับทบทวน ครั้งที่ 2 จึงได้มีการประชุมร่วมกันระหว่างสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ 2561 เนื่องจากมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ 2561 กำหนดให้การจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ให้กระทำได้เมื่อมีเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องใช้จ่ายเงินระหว่างปีงบประมาณ โดยไม่สามารถรองบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณถัดไปได้ และให้ระบุที่มาของเงินที่จะใช้จ่ายตามงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม
ดังนั้น การดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet จะต้องลงทะเบียนผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการให้ทันภายในปีงบประมาณ 2567 เพื่อให้สามารถเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2567 ได้ทันภายในวันที่ 30 ก.ย. 2567 และสอดคล้องตามมาตราดังกล่าว
ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินโครงการดังกล่าวสามารถดำเนินการทันภายในปีงบประมาณ 2567 จึงอาจพิจารณาผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการที่เป็นประชาชนกลุ่มเปราะบางผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14.98 ล้านคน ตามขั้นตอนในโอกาสแรกก่อน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าววว่า ตามที่ ครม. มีมติเมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2567 เห็นชอบในหลักการโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet โดยใช้จ่ายจาก 3 แหล่งเงิน ได้แก่ 1. การบริหารงบประมาณปี 2567 จำนวน 175,000 ล้านบาท โดยในส่วนนี้ได้ออกงบกลางปี 122,000 ล้านบาท 2. การดำเนิการผ่านหน่วยงานภาครัฐ จำนวน 172,300 ล้านบาท และ 3. งบประมาณ ปี 2568 จำนวน 152,700 ล้านบาท และมีมติเมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2567 เห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบ 2568-2571) ฉบับทบทวน ครั้งที่ 2 ประกอบกับตามปฏิทินงบฯ เพิ่มเติมปี 2567 กำหนดให้ ครม.พิจารณาให้ความเห็นชอบนโยบายงบฯ วงเงินงบฯ และโครงสร้างงบฯ เพิ่มเติมปี 2567 ในวันที่ 4 มิ.ย. 2567
ทั้งนี้ วงเงินงบฯ เพิ่มเติมปี 2567 จำนวน 122,000 ล้านบาท เมื่อรวมกับงบประมาณ ปี 2567 จำนวน 3,480,000 ล้านบาท รวมเป็นวงเงิน 3,602,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบฯ 2566 จำนวน 417,000 ล้านบาท หรือ 13.1% ซึ่งเท่ากับกรอบวงเงินตามแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบฯ 2568-2571) ฉบับทบทวน ครั้งที่ 2 และสำหรับงบลงทุนฯ และงบฯ ชำระคืนต้นเงินกู้ มีสัดส่วนอยู่ภายในกรอบที่กำหนดตาม พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลังของรัฐ 2561
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney