วันนี้ (20 พ.ค. 2567) นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรก ของปี 2567 พบว่า GDP ไทย ขยายตัว 1.5% จากระดับ 1.7% ในไตรมาส 4/2566 โดยได้รับแรงหนุนหลักจากการบริโภคที่ยังขยายตัวในระดับสูง และการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ สศช.ได้ปรับคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2567 ลงเหลือ 2-3% (ค่ากลาง 2.5%) จากช่วง 2.2-3.2% เนื่องจากปัจจัยเรื่องสงครามการค้าที่สหรัฐฯ ออกมาตรการกีดกันทางการค้ากับจีน ซึ่งไทยต้องมีการเฝ้าระวังเรื่องการทุ่มตลาดสินค้าจากจีนที่จะวกกลับเข้ามาไทยมากขึ้น รวมถึงปัจจัยเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรง
การเติบโตของ GDP ไตรมาส 1 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 ที่ผ่านมา มีปัจจัยหลักมาจากการผลิตภาคนอกเกษตร ที่ขยายตัว 2% จากบริการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น สาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหาร สาขาขนส่งฯ ด้านหมวดอุตสาหกรรมลดลง 3% ทั้งนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับลดลงต่อเนื่อง 6 ไตรมาส สอดคล้องกับการผลิตที่อยู่ในระดับต่ำ ขณะที่การผลิตภาคเกษตรลดลง 3.5% ด้านการลงทุนรวมลดลงต่อเนื่องที่ 4.2% โดยเฉพาะด้านการใช้จ่ายรัฐบาลที่ลดลง 27.7% ขณะที่การส่งออกสินค้าและบริการ และการบริโภคอุปโภคขั้นสุดท้ายของเอกชนชะลอลงที่ 2.5% และ 6.9% ตามลำดับ
โดยมีปัจจัยสนับสนุน 5 ด้าน ดังนี้
1. การเพิ่มขึ้นของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ จะได้รับแรงสนับสนุนจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐในช่วงที่เหลือของปีหลัง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 มีผลบังคับใช้ และแรงส่งจากการเพิ่มกรอบวงเงินงบประมาณ
2. การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนที่ยังขยายตัวได้ดี จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว อัตราการว่างงานและอัตราเงินเฟ้อในระดับต่ำ รวมถึงความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
3. การฟื้นตัวต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว โดยค่าใช้จ่ายต่อหัวที่ปรับดีขึ้นจากปี 2566 รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่ปรับเข้าสู่ระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด-19
4. การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการลงทุนภาคเอกชน ตามการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการนำเข้าสินค้าทุน รวมทั้งแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของการขอรับการส่งเสริมการลงทุน และพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม
5. การฟื้นตัวช้าๆ ของภาคการส่งออกตามการฟื้นตัวของการค้าโลก และวัฏจักรขาขึ้นของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และยอดคำสั่งซื้อใหม่ของประเทศอุตสาหกรรมหลัก
1. ภาระหนี้สินครัวเรือนและภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับสูง และการเพิ่มขึ้นของภาระดอกเบี้ย ส่งผลให้สถาบันการเงินระมัดระวังการให้สินเชื่อมากขึ้น
2. ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศต่อผลผลิตทางการเกษตร
3. ความเสี่ยงจากความผันผวนของระบบเศรษฐกิจและการค้าโลกที่อาจเพิ่มขึ้นตามสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ การปรับทิศทางนโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลัก และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney