นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยระหว่าง ตรวจเยี่ยมสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ว่ากระทรวงการคลังได้เตรียมหลายๆมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลัง อาทิ สินเชื่อเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและท่องเที่ยวเมืองรอง การสนับสนุนนโยบาย Ignite Thailand ขณะเดียวกันจะมีเม็ดเงินจากงบประมาณปี 2567 อีก 3.48 ล้านล้านบาท จะเริ่มทยอยเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ รวมถึงงบประมาณปี 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท และมีเม็ดเงินจากโครงการเติมเงิน 10,000 บาท (ดิจิทัลวอลเล็ต) วงเงิน 560,000 ล้านบาท
“เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะผงกหัวขึ้นอย่างแน่นอน โดยได้รับทราบว่า ปีนี้ สศค.ได้ตั้งเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจไว้ที่ 2.4% การประมาณการเศรษฐกิจดังกล่าว ยังไม่นับรวมดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งจะมีผลต่อเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง ไปจนถึงต้นปีหน้า”
สำหรับการบ้านที่ให้ สศค.เร่งดำเนินการ คือ การปรับตัวด้วยการคิดนอกกรอบ หากกฎหมายไม่เอื้อ สามารถเสนอแก้ไขกฎหมายได้ และต้องทำงานใกล้ชิดประชาชน เพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ไม่ได้ทำงานอยู่บนหอคอยงาช้างอีกต่อไป โดยเฉพาะการกำกับดูแลสถาบันการเงินของรัฐ ต้องการให้อุดช่องว่างทางการเงิน ทำในสิ่งที่ธนาคารพาณิชย์ไม่อยากทำ เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน ส่วนนโยบายธนาคารไร้สาขา (Virtual bank) สศค.ควรพิจารณารายละเอียด เงื่อนไขการออกใบอนุญาตมากกว่าการจำกัดจำนวนใบอนุญาต
“นโยบายด้านภาษีได้ให้ไปศึกษาการขยายฐานภาษี เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี มากกว่ากำหนดอัตราภาษี เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันยังไม่เหมาะกับการสร้างอัตราภาษีเพิ่มด้วยการขยายฐานภาษีด้วยการชักจูงคนที่อยู่ นอกระบบภาษีเข้าสู่ระบบภาษี จะเป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ”
ขณะที่กรณีเรื่องจุดต่างของกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คือ การประเมินเศรษฐกิจที่ไม่ตรงกัน จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้ด้วยการคุยกันบ่อยๆ การคุยกันเชิงที่มีประสิทธิภาพจะทำให้มองทิศทางเศรษฐกิจไปในทิศทางเดียวกัน เชื่อว่าหากมองสถานการณ์เศรษฐกิจที่ตรงกันจะมีนโยบายการเงินและการคลังที่เหยียบคันเร่ง และเหยียบเบรกได้พร้อมกันมากขึ้น.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่