การบินไทยปิดดีลขายเครื่องบิน 18 ลำ อานิสงส์วีซ่าฟรี "จีน-อินเดีย"

นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 67 การบินไทยจะยังคงเป้ารายได้ที่ 1.6 แสนล้านบาท แม้ผลประกอบการช่วงไตรมาส 1/67 (ม.ค.-มี.ค.67) จะมีกำไรสุทธิลดลง 80.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 2,410 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ของการบินไทยในช่วงไตรมาส 1/67 ยังโตต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม 45,955 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10.7% แต่เหตุที่กำไรสุทธิลดลง เป็นเพราะมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 5,372 ล้านบาท และการบันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่าของเครื่องบินและสินทรัพย์การใช้และอุปกรณ์การบินหมุนเวียนสูงถึง 3,338 ล้านบาท จากการที่มีเครื่องบินรอขายรวม 18 ลำ คือ B777-200 จำนวน 6 ลำ, B777-300 จำนวน 6 ลำ และ A380 จำนวน 6 ลำ

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเครื่องบินทั้ง 18 ลำดังกล่าวมีผู้ซื้อแล้ว โดยเครื่องบิน B777-200 จำนวน 6 ลำนั้น ได้ลงนามในสัญญาซื้อ-ขายเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างรอส่งมอบ ส่วนอีก 12 ลำที่เหลืออยู่ระหว่างรอลงนามในสัญญา คาดว่าจะลงนามภายในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนนี้ ซึ่งจะทำให้การขาดทุนจากการด้อยค่าฯของการบินไทยนับจากนี้จะลดลงจากการจำหน่ายเครื่องบินดังกล่าว ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/67 (เม.ย.-มิ.ย.67) แม้จะอยู่ในช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว แต่ปีนี้ยังมีปัจจัยหนุนจากการที่รัฐบาลออกมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (วีซ่าฟรี) ถาวรระหว่างไทย-จีน รวมทั้งวีซ่าฟรีอินเดียที่รัฐบาลขยายเวลาออกไปอีก 6 เดือนเป็นวันที่ 11 พฤษภาคม-11 พฤศจิกายน 67 ซึ่งปัจจุบัน THAI บิน 5 เส้นทางหลักสู่จีน และมีเส้นทางบินสู่อินเดีย 8 เส้นทาง โดยการบินไทยตั้งเป้าอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (เคบิน แฟกเตอร์) ในไตรมาส 2/67 เฉลี่ย 78%

ทั้งนี้ เบื้องต้นประเมินว่ารายได้ช่วงไตรมาส 2/67 จะลดลงจากช่วงไตรมาส 1/67 เล็กน้อยตามฤดูกาล และกำไรน่าจะอยู่ในระดับที่ดีขึ้นเพราะการบันทึกขาดทุนด้อยค่าที่ลดลงจากการจำหน่ายเครื่องบินทั้ง 18 ลำไปแล้ว แต่ยังมีปัจจัยเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนที่ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงสูงสุดในปีนี้ ซึ่งหากค่าเงินบาทไม่สูงเกิน 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ การบินไทยก็จะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน แต่หากสูงกว่า 36 บาท ก็จะขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเช่นกัน

“การขายเครื่องบินที่ปลดระวางเป็นหนึ่งในการดำเนินงานของแผนฟื้นฟูกิจการ จึงถือว่าบริษัทได้ดำเนินการแผนฟื้นฟูแล้วเสร็จอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทยังคงคาดการณ์ว่าจะยื่นกลับซื้อขายหลักทรัพย์และออกจากแผนฟื้นฟูกิจการได้ตามเป้าหมายในปี 68 ส่วนในปี 67 ยังคงคาดว่าจะทำรายได้รวม 1.6 แสนล้านบาท ส่วนอัตราบรรทุกผู้โดยสาร (เคบิน แฟกเตอร์) คาดอยู่ในระดับ 75% ทั้งนี้ บริษัทยังคงจับตาดูปัจจัยอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ที่จะเป็นปัจจัยลบส่งผลต่อภาพรวมกำไรของบริษัท”.

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่