เอกชน ค้านขึ้น “ค่าแรง 400 บาท” เท่ากันทั่วประเทศ ตัวเลขสูงเกินความจริง บนเสี่ยง GDP โตไม่ถึง 3%

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

เอกชน ค้านขึ้น “ค่าแรง 400 บาท” เท่ากันทั่วประเทศ ตัวเลขสูงเกินความจริง บนเสี่ยง GDP โตไม่ถึง 3%

Date Time: 8 พ.ค. 2567 13:18 น.

Video

เปิดทริกวางแผนการเงิน เพื่อชีวิตที่มีประสิทธิภาพ

Summary

  • กกร.ถกเครียด เอกชน เห็นร่วมคัดค้าน รัฐบาลขึ้น “ค่าแรง 400 บาท” เท่ากันทั่วประเทศ 1 ต.ค.นี้ เผย เตรียมทำหนังสือถึงกระทรวงแรงงาน 13 พ.ค. หารือ “ค่าจ้างรายวัน” ที่เหมาะสมแทน เหตุ ตัวเลขปรับสูงเกินความจริง บนความเสี่ยง GDP ไทยปี 67 เปราะบาง หดคาดการณ์ โตไม่ถึง 3% จากปัจจัยผันผวน ค่าเงิน, ราคาพลังงาน และ ต้นทุนผู้ประกอบการสูง แนะรัฐบาลดูแลค่าครองชีพแรงงาน สร้างสมดุลรายได้ แรงงาน ให้สอดคล้องภาวะเศรษฐกิจ

Latest


นับเป็นประเด็นใหญ่ระหว่างรัฐบาล และเอกชน สำหรับการประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท เท่ากันทั่วประเทศ โดยไทม์ไลน์ที่ต้องจับตามองคือวันที่ 14 พ.ค. 2567 ซึ่งจะมีการประชุมของบอร์ดค่าจ้างชุดใหญ่ กำหนดความชัดเจนในการปรับขึ้นค่าจ้างดังกล่าวอีกครั้ง หลังจากกระทรวงแรงงานเผยว่า จะมีการบังคับใช้จริง 1 ต.ค. 2567 อย่างแน่นอน 

ล่าสุดวันนี้ “เกรียงไกร เธียรนุกุล” ประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เผยว่า การประชุมเดือน พ.ค. กับผู้ประกอบการ กลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วประเทศ มีความเห็นร่วมกันว่า เอกชนไม่เห็นด้วยกับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ 400 บาท 

เนื่องจากการปรับอัตราค่าจ้างที่สูงเกินกว่าความเป็นจริง ซึ่งยังจะเป็นปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศไทย เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันยังมีปัญหาจากปัจจัยหลายประการที่มีความผันผวน อาทิ ค่าเงินบาท ราคาพลังงาน มาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ และสงครามการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจในประเทศไทย 

โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมที่ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (MPI) เดือนมีนาคม 2567 หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 18 และอัตราการใช้กำลังการผลิต (CapU) อยู่ที่ 62.39% ซึ่งลดลง 4.47% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แสดงให้เห็นถึงความเปราะบางของภาคอุตสาหกรรมไทย

กกร.เปิด 5 ข้อเสนอ ประเด็นค่าแรง 400 บาท ทั่วประเทศ 

ในที่ประชุมจึงมีข้อเสนอต่อรัฐบาลดังนี้ 

  1. กกร. เห็นด้วยกับการยกระดับรายได้ของแรงงานไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำประจำปี ควรปรับตามที่กฎหมายบัญญัติกำหนดไว้ในมาตรา 87 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 
  2. กกร. ไม่เห็นด้วยกับการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศ แต่ควรใช้กลไกจากคณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำรายจังหวัด และคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) เป็นผู้พิจารณาให้สอดคล้องกับปัจจัยทางเศรษฐกิจของแต่ละพื้นที่ อัตราเงินเฟ้อ อัตราการเจริญเติบโตของ GDP ความสามารถในการจ่ายของนายจ้าง และประสิทธิภาพของแรงงาน 
  3. การปรับอัตราจ้างควรพิจารณาจากทักษะฝีมือแรงงาน (Pay By Skills) ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเพียงอัตราค่าจ้างของแรงงานแรกเข้าที่ยังไม่มีฝีมือ ดังนั้นรัฐบาลควรเร่งส่งเสริมมาตรการทางภาษี ลดอุปสรรคต่อการพัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อจูงใจให้ผู้ประกอบการและแรงงานให้ความสำคัญกับการ UP-Skill & Re-Skill และ New Skill เพื่อสร้างแรงงานที่มีทักษะฝีมือให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และเพิ่มผลิตภาพแรงงาน (Labor Productivity) 
  4. การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเฉพาะพื้นที่จังหวัดและประเภทธุรกิจ ควรให้มีการรับฟัง ความคิดเห็น และศึกษาถึงความพร้อมของแต่ละพื้นที่จังหวัดและประเภทธุรกิจ รวมทั้งควรให้มีการหารือร่วมกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง และใช้กลไกจากคณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ จังหวัดเป็นผู้พิจารณาตามความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่หรือประเภทธุรกิจเช่นกัน
  5. นอกเหนือจากการยกระดับรายได้ของแรงงานแล้ว ภาครัฐควรเข้ามาดูแลค่าครองชีพในการดำรงชีพของแรงงาน เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ภาคแรงงานและประชาชน เช่น ราคาอาหารสำเร็จรูป และสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น รวมถึง ค่าเดินทาง ค่าไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งจะช่วยสร้างความสมดุลด้านรายได้และค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพให้กับแรงงานให้สอดคล้องตามภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน


ทั้งนี้ กกร. จะมีการทำหนังสือถึงกระทรวงแรงงาน เพื่อขอคัดค้านการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ  400 บาททั่วประเทศ 13 พ.ค. และหารือถึงแนวทางการปรับขึ้นค่าแรงให้เหมาะสมกับการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเป็นประโยชน์ต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ พร้อมกันนี้จะมีการหารือกับภาคเอกชนในแต่ละจังหวัดถึงผลกระทบและจัดทำข้อเสนอต่อการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ เพื่อนำเสนอคณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำรายจังหวัด โดยจะยึดกลไกการพิจารณาของคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) เป็นสำคัญ

นอกจากนี้ กกร.ยังมีการปรับลดคาดการณ์ GDP ไทย ปี 2567 เหลือ ขยายตัว 2.2-2.7% จากเดิมคาดขยายตัว 2.8-3.3% เนื่องจากภาคการส่งออกมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้เพียง 0.5-1.5% ต่ำกว่าประมาณการเดิมเช่นกันตามทิศทางการค้าโลก.

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ