เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆสำหรับโครงการเติมเงิน 10,000บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ตามนโยบายหาเสียงของรัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี
ถึงแม้จะชัดเจนเพียงที่มาของแหล่งเงิน ที่ยังไม่สะเด็ดน้ำ แต่ถือว่ามีคำตอบมากกว่าที่ผ่านมา อย่างน้อยประชาชนได้รู้ว่าจะใช้เงินจากงบประมาณ และไม่ต้องออก พ.ร.บ.กู้เงิน 560,000 ล้านบาท
โดยเรื่องที่มาของแหล่งเงินนั้น นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขั้นตอนการทำงานโครงการดิจิทัลวอลเล็ต หลังจาก ครม.เห็นชอบนั้น แบ่งเป็น 4 ส่วน คือ 1.แหล่งเงิน มีที่มาจาก 3 แหล่ง คือ งบประมาณ 67 วงเงิน 175,000 ล้านบาท งบประมาณ 68 วงเงิน 152,700 ล้านบาท และการดำเนินงานตามมาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ศ.2561 ซึ่ง ครม.ได้เห็นชอบให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นผู้ดำเนินการวงเงิน 172,300 ล้านบาท
ในส่วนแหล่งที่มาของเงินนั้น ครม.ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณไปบริหารจัดการงบประมาณปี 67 งบได้ที่ไม่มีการใช้งาน หรือใช้งานไม่ทันในปี 67 ก็ต้องพับโครงการไป จากนั้นกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ จะออกเป็น พ.ร.บ.โอนเงินงบประมาณ เพื่อนำมาใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
“เรื่องการใช้เงินงบประมาณ 67 จะรู้แน่ชัดว่าจะได้เงินจากแหล่งใด เพื่อครอบคลุมวงเงิน 175,000 ล้านบาท ภายใน 1-2 เดือน หลังจาก พ.ร.บ.งบประมาณ 67 มีผลบังคับใช้ ตอนนี้จึงตอบไม่ได้ว่าจะใช้เงินจากไหน แต่ที่ชัดเจน คือ โครงการใดที่ไม่มีแผนการใช้เงินชัดเจน เสนอโครงการไม่ทัน ต้องถูกพับแผนการลงทุนแน่นอน และเชื่อว่าระยะเวลาเพียง 5 เดือน (พ.ค.-ก.ย.67) มีโครงการที่ดำเนินการไม่ทันแน่นอน และยังมีงบกลางฉุกเฉินอีก ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับวิธีการบริหารจัดการงบประมาณปี 67”
นายลวรณ กล่าวต่อว่า ส่วนแนวทางที่ 2 คือ หลักเกณฑ์ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการหรือสินค้าใดซื้อได้หรือไม่ได้ กระทรวงพาณิชย์จะเป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้มีความชัดเจนเกี่ยวกับ 16 สินค้าที่ห้ามซื้อ หรือไม่สามารถใช้ดิจิทัลวอลเล็ตได้ ดังนี้ 1.สลากกินแบ่งรัฐบาล 2.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (เหล้า-เบียร์) 3.ยาสูบ 4.กัญชา 5.กระท่อม 6.พืชกระท่อม 7.ผลิตภัณฑ์กัญชาและกระท่อม 8.บัตรกำนัล 9.บัตรเงินสด 10.ทองคำ 11.เพชร 12.พลอย 13.อัญมณี 14.น้ำมันเชื้อเพลิง 15.ก๊าซธรรมชาติ 16.บริการต่างๆ อาทิ ร้านตัดผม นวดสปา ไม่สามารถเข้าร่วมได้
ส่วนกรณีนำเงินในดิจิทัลวอลเล็ตไปซื้อมือถือได้หรือไม่นั้น ต้องอดใจรอการกำหนดหลักเกณฑ์ของกระทรวงพาณิชย์ เชื่อว่าภายใน 1-2 เดือนข้างหน้ามีความชัดเจนแน่นอน
ส่วนที่ 3 คือ ระบบแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” นั้น จะต้องโหลดแอปทุกคน จากนั้นจะเชื่อมกับระบบธนาคารใด ชำระค่าใช้จ่ายแบบใดนั้น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และสำนักงานรัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) สพร. หรือ Digital Government Development Agency (DGA) จะรับผิดชอบ คาดว่าเร็วๆนี้จะชัดเจน
ส่วนที่ 4 คือ การตรวจสอบป้องกันการทุจริต ที่ทุกฝ่ายเป็นห่วงกังวล เกรงจะมีการแลกหรือทอนเป็นเงินสดนั้น กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ จะเข้ามาช่วยตรวจสอบการเคลื่อนไหวของร้านค้า และการใช้จ่ายเงิน ซึ่ง ตำรวจไซเบอร์มีอำนาจเต็ม สามารถจับกุม แจ้งความดำเนินคดีทันที หากมีการทุจริต โกงเงิน ทอนเงิน “ดิจิทัลวอลเล็ต”
“ผมขอย้ำว่า ทุกอย่างที่ดำเนินการเป็นไปตามกฎหมายทุกขั้น ทุกตอน ทำให้ต้องใช้เวลาดำเนินการ เพราะถ้าไม่ถูกตามขั้นตอนของกฎหมาย เชื่อว่าหลายหน่วยงานไม่ดำเนินการแน่ ไม่ต้องห่วงกังวล และขอย้ำอีกเรื่อง “ดิจิทัลวอลเล็ต” ไม่ใช่เงินโทเคน เพราะมี พ.ร.บ.เงินตรารองรับ มีแหล่งที่จะใช้ชัดเจน 560,000 ล้านบาท เรื่องนี้อธิบายแบบแผ่นเสียงตกร่อง แต่ก็ต้องอธิบายกันต่อไป”
ส่วนประเด็นที่หลายฝ่ายต้องการให้นำเสนอคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความนั้นต้องใจเย็นๆให้เหตุการณ์เกิดขึ้นและพร้อมจะดำเนินการก่อน จึงจะเสนอตีความได้ ดังนั้นในขณะนี้จะยังไม่เสนอตีความใดๆ
นายลวรณ กล่าวว่า ขณะนี้ถือว่ามีความคืบหน้าไปมาก ซึ่งได้กำหนดเวลา หรือไทม์ไลน์ชัดเจนแล้วว่า ไตรมาส 3 ปีนี้ (ก.ค.-ก.ย.67) ต้องเปิดให้มีการลงทะเบียนทั้งร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการและประชาชนที่มีสิทธิร่วมโครงการ คือ มีอายุ 16 ปีขึ้นไป มีรายได้ไม่เกิน 70,000 บาทต่อเดือน และมีเงินฝากไม่เกิน 500,000 บาท โดยคนไทยที่มีสิทธิได้ดิจิทัลวอลเล็ต 50 ล้านคน จากนั้นไตรมาส 4 จะเปิดให้ใช้สิทธิครั้งแรก และต้องใช้ให้หมดภายใน 6 เดือน
ส่วนหลักการใช้คือ ประชาชนคนแรกที่ได้รับสิทธิ นำไปใช้ร้านค้าย่อยในชุมชนเขตอำเภอ จากนั้นร้านค้าย่อยนำไปซื้อวัตถุดิบจากอีกร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษี ไม่ว่าจะเป็นระบบภาษีใดก็ตาม โดยร้านค้าที่ 2 ไม่มีสิทธินำไปขึ้นหรือแลกเป็นเงินสด ส่วนร้านค้าที่ 3 จึงมีสิทธิ์ที่จะนำไปแลกเงินกับสถาบันการเงินได้ ซึ่งวิธีการนี้ จะก่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจหลายรอบแน่นอน มีผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ 1.4-1.8%
ดังนั้นจะต้องรอดูผลการใช้จ่ายเงิน “ดิจิทัลวอลเล็ต” ช่วงปลายปีนี้ ว่าจะเป็นพายุหมุนเศรษฐกิจได้มากน้องเพียงใด!!
ดวงพร อุดมทิพย์
คลิกอ่านคอลัมน์ "THE ISSUES" เพิ่มเติม