วัดเกม "ดิจิทัลวอลเล็ต" ผันเศรษฐกิจนอกระบบ 48.4% ของ GDP เข้าสู่ระบบมากขึ้น ปูทางแก้เหลื่อมล้ำ

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

วัดเกม "ดิจิทัลวอลเล็ต" ผันเศรษฐกิจนอกระบบ 48.4% ของ GDP เข้าสู่ระบบมากขึ้น ปูทางแก้เหลื่อมล้ำ

Date Time: 19 เม.ย. 2567 14:39 น.

Video

3 มาตรการใหม่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ คุมหุ้นร้อนผิดปกติ | Money Issue

Summary

  • ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS เผย ประเทศไทย มีเศรษฐกิจนอกระบบ ไม่เสียภาษี ใหญ่ อันดับ 14 ของโลก หรือราว 48.4% ของ GDP พบจาก 66 ล้านคน ยื่นภาษี แค่ 10-11 ล้านคน วัดเกม “ดิจิทัลวอลเล็ต” ดึงเข้าสู่ระบบ ปูทางสร้าง Digital Economy อย่างเต็มขั้น แก้เหลื่อมล้ำ-ปัญหายากจน และ เศรษฐกิจยั่งยืนในระยะยาว

Latest


หรือ โครงการแจกเงินดิจิทัล (Digital Wallet) อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผัน “เศรษฐกิจนอกระบบ” เข้าสู่ในระบบมากยิ่งขึ้น 

นี่คือ จั่วหัวของบทวิเคราะห์ล่าสุด โดย ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ที่นอกจากจะประเมินว่า “นโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท” ที่รัฐบาลสัญญา ว่า ประชาชนจะได้รับเงิน ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ นับเป็นมาตรการ Quick-win ที่ช่วยกระตุ้น การใช้จ่ายภายในประเทศให้ฟื้นตัวได้ทั่วถึงมากขึ้น รวมไปถึง เพิ่มความเชื่อมั่นต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย ปี 2567 ด้วย 

ในขณะเดียวกัน ก็มองว่าโครงการ Digital Wallet มูลค่า 5 แสนล้านบาท จะสามารถ ต่อยอดสู่การดึงเศรษฐกิจที่อยู่นอกระบบ ไม่เสียภาษี ให้เข้ามาอยู่ในระบบมากขึ้น จากกลุ่มก้อนดังกล่าวของไทย มีขนาดใหญ่ติดอันดับโลก 

ซึ่งข้อดีอีกอย่าง หากทำได้สำเร็จ ก็จะเป็นเรื่องง่าย ในการสร้าง Data Driven Economy และ Digital Economy อย่างเต็มขั้น ของไทยให้มากขึ้นอีกด้วย

ไทยมี เศรษฐกิจนอกระบบ ใหญ่อันดับ 14 ของโลก

เจาะประเด็น “เศรษฐกิจนอกระบบ” พบว่า ปัจจุบัน ไทยเรามี เศรษฐกิจนอกระบบของไทยขนาดใหญ่ คิดเป็น สัดส่วนมากถึง 48.4% ของ GDP และมากขึ้นแท่นเป็นอันดับ 14 ของโลก จาก 158 ประเทศที่มีฐานข้อมูลของ World Bank 

ที่สำคัญ ตัวเลขดังกล่าว ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกที่อยู่ที่ 32.7% และ สูงกว่าเกือบทุกประเทศในเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นประเทศ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้ ซึ่งมีสัดส่วนเศรษฐกิจนอกระบบต่อ GDP ที่เฉลี่ย เพียง 26.7% 

ไทยมีข้อมูลประชาชนและธุรกิจ SME ที่อยู่ในระบบค่อนข้างน้อย ส่วนหนึ่งสะท้อนจากการมีผู้ที่อยู่ในฐานระบบ ภาษีน้อย จากประชากรทั้งหมด 66 ล้านคน มีผู้ยื่น แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพียง 10-11 ล้านคน และมีธุรกิจนอกระบบจำนวนมาก 

โดย ปัจจุบันนี้ มีจำนวน SME อยู่ราว 3.2 ล้านราย แต่เป็น นิติบุคคลเพียง 8.4 แสนราย หรือคิดเป็น 26% ซึ่ง นั่นหมายความว่ามี SME จำนวนมากถึงเกือบ 2.4 ล้านราย หรือ 74% ที่ไม่มีข้อมูลงบการเงินในระบบ ฐานข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

ขณะ ข้อเสีย คือ ประเทศที่มีเศรษฐกิจนอกระบบขนาดใหญ่มักจะเผชิญ ปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมหลายด้าน โดยจากการศึกษาของ World Bank พบว่าประเทศที่มี เศรษฐกิจนอกระบบขนาดใหญ่มักจะมีรายได้ต่อหัวในระดับ ต่ำกว่า 

มีปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ สูงกว่า มีการกำกับดูแลและธรรมาภิบาลที่แย่กว่า และ มี Productivity ทั้งมิติของภาคธุรกิจและแรงงานที่ ต่ำกว่า มี Resilience (ความยืดหยุ่น) ต่อวิกฤติต่างๆ ต่ำกว่า 

อีกทั้ง ยังจะทำให้การพัฒนาอย่างยั่งยืน เป็นไปช้ากว่าประเทศที่มีเศรษฐกิจ นอกระบบขนาดเล็ก ส่งผลให้ ภาครัฐต้องให้ความสำคัญกับการผันเศรษฐกิจ นอกระบบเข้ามาในระบบมากยิ่งขึ้น 

ซึ่ง ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS เชื่อว่า มาตรการ Digital wallet อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ ที่จะสามารถต่อยอดได้ในอนาคต อีกทั้งยังเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศโดยอาศัยข้อมูลเป็นแกนกลาง หรือเรียกได้ว่า Data Driven Economy ทำให้ เข้าใจปัญหาที่แท้จริง ตั้งอยู่บนข้อมูลที่ดีพอที่จะนำไปสู่การตัดสินใจในการดำเนินนโยบายต่างๆ ได้ อย่างมีประสิทธิภาพในระยะถัดไป

ที่มา : Krungthai COMPASS

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ Thairath Money ได้ที่ 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์