พานั่ง "รถไฟฟ้า 3 สี" ชวนเที่ยวช่วงสงกรานต์ "มู-ชิล-ช็อป-ชิม" ครบครัน

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

พานั่ง "รถไฟฟ้า 3 สี" ชวนเที่ยวช่วงสงกรานต์ "มู-ชิล-ช็อป-ชิม" ครบครัน

Date Time: 13 เม.ย. 2567 06:46 น.

Summary

  • เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ดูจะคึกคักกว่าหลายปีที่ผ่าน โดยกระทรวงคมนาคมคาดการณ์ว่า จะมีรถเดินทางเข้า-ออกกรุงเทพฯกว่า 17 ล้านคัน และประชาชนใช้ระบบขนส่งสาธารณะอีก 16 ล้านคน

Latest

ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ย้ำชัด ไทยไม่ลด "ดอกเบี้ย" ตามเฟด ชี้ "บาทแข็งค่า" ไม่ทุบทิศทางส่งออกไทย

อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขประชาชนจะออกเดินทางอย่างมหาศาล แต่ก็เชื่อว่ายังมีผู้คนอีกไม่น้อย ที่เลือกจะหนีรถติด ฝังตัวเองอยู่ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล เลือกท่องเที่ยวแบบสบายๆ ไม่รีบไม่ร้อน อยู่ในกรุงเทพฯ ปริมณฑลกัน

ฉะนั้น ช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ “ทีมข่าวหัวเขียว เศรษฐกิจไทยรัฐ” เลยขออาสาพาไปเที่ยว นั่งรถไฟฟ้า 3 สี ไปมู ไปช็อป ไปชิล ไปชิม ใครชอบแบบไหนติดตามกันได้เลย...

สายมู-สายกิน ชิลไปกับสายสีเขียว-บีทีเอส

เริ่มกันที่ รถไฟฟ้าบีทีเอส หรือที่รู้จักกันคือ รถไฟฟ้าสายสีเขียว ถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่มีเส้นทางยาวสุดของรถไฟฟ้าไทย แถมยังวิ่งทะลุผ่าน 3 จังหวัด ตั้งแต่ปทุมธานี สู่กรุงเทพฯ ไปสิ้นสุดที่สมุทรปราการมีเส้นทางเดินรถ 2 เส้นทาง รวมระยะทาง 68.25 กิโลเมตร จำนวน 60 สถานี

ประเดิมที่แรกเอาใจกลุ่มสายมูกันก่อน ปักหมุดก่อนใครต้อง “พระพรหมเอราวัณ” ถือได้ว่าเป็นสถานที่ขอพรศักดิ์สิทธิ์ของไทยโดนใจทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่แวะเวียนมากราบไหว้ขอพรไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะมาขอลูก ขอโชคลาภ วาสนา ตำแหน่งหน้าที่การงาน การเรียน ชื่อเสียง ครอบครัว สุขภาพ ขอได้หมดทุกเรื่อง แถมเดินทางก็แสนง่ายไปลงที่ สถานีชิดลม แล้วเดินมาทางแยกราชประสงค์ ถัดจากนั้น ข้ามถนนมาหน่อย ก็ยังมีพระตรีมูรติ ฝั่งเซ็นทรัลเวิลด์ ที่เป็นเทพเฉพาะทาง ศักดิ์สิทธิ์ขอพรเรื่องความรักโดยตรง คนโสด หาคู่แท้ มากันตรึม

พากันไปต่อ วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร ลงที่ สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ ถือเป็นวัดสำคัญทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยจอมพลแปลก พิบูลสงคราม วัดนี้มีถาวรวัตถุที่สำคัญคือพระเจดีย์ศรีมหาธาตุ ซึ่งภายในมีเจดีย์องค์เล็กประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ มีพระศรีสัมพุทธมุนีเป็นพระประธาน ซึ่งมีความสวยงามและศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก มากันต่อไม่ไกลที่ สถานีบางบัว ก็มี วัดบางบัว วัดนี้จะมีโบสถ์สีชมพูโดดเด่น แถมวัดนี้ยังเหมาะสำหรับทาสหมา ทาสแมว เพราะที่วัดรับจัดพิธีทำบุญ และเผาศพให้กับน้องๆ ด้วย

ข้ามมาต่อกันที่ฝั่งธน ที่นี่มีวัดให้มูท่องเที่ยวไม่แพ้กัน พาไปลงที่ สถานีโพธิ์นิมิตร มี วัดโพธินิมิตสถิตมหาสีมาราม เป็นพระอารามหลวงขนาดไม่ใหญ่นัก จุดเด่นของวัด คือ พระอุโบสถสถาปัตยกรรมไทยที่งดงาม หลังคาประดับช่อฟ้าใบระกา ผนังพระอุโบสถมีภาพเขียนของพระอาจารย์แดง จิตรกรฝีมือเอก นอกจากนี้ยังมีพระมหาเจดีย์สีขาว และพลับพลารับเสด็จรัชกาลที่ 5 ใกล้กันที่ สถานีตากสิน มี วัดสวนพลู เป็นวัดเก่าแก่สร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีความโดดเด่นจากอุโบสถสีขาว และงานปูนปั้นประดับกระจก สวยงามล้อมรอบด้วยป่าคอนกรีตขนาดใหญ่

ถัดมาเอาใจสายกิน ต้องบอกว่าแนวรถไฟฟ้าบีทีเอสมีย่านของกินเด็ดๆเพียบ

ขออาสาไปที่แรก ต้องย่านตลาดเก่าย่านฝั่งธน ตลาดพลู นั่งรถไฟฟ้าบีทีเอส ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาเพียงไม่กี่สถานีก็ถึง ร้านดังในย่านนี้ มีทั้ง ร้านสุณี ข้าวหมูแดง ร้านสรินทร์ทิพย์ขนมเบื้องอร่อยหอมฟิน ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ต.จันทร์เพ็ญ มีซุปพะโล้กลมกล่อม หรือร้านกระเพาะปลาน้ำข้น เรียกว่านอกจากอร่อยแล้ว ราคายังเป็นมิตร จัดเป็นสตรีทฟู้ด เบอร์หนึ่งต้นตำรับของไทยอีกแห่ง

แต่ถ้าเข้ากลางเมืองหน่อย ต้องขอยกให้ ร้านคอระฆัง ลง สถานีบีทีเอสอารีย์ ที่นี่ เหมาะแก่สายแชะ ถ่ายรูปอย่างยิ่ง เพราะตกแต่งห้อมล้อมด้วยดอกไม้สีชมพู ประดุจเจ้าหญิง แถมร้านอาหารรสชาติดี เมนูไฮไลต์ยกให้ บัวลอยมะพร้าวอ่อน ขณะที่ สายคาเฟ่ต้องแวะ Le Café Phénix เลอ กาเฟ่ เฟนิกซ์ ติดบีทีเอสเอกมัย เป็นร้านอาหารและเครื่องดื่ม เปิด 24 ชั่วโมง ได้รับบรรยากาศสุดฟินธรรมชาติรายล้อมต้นไม้ เมนูแนะนำ อาทิ อะโวคาโดทาบนขนมปัง มัฟฟินเนื้อนุ่ม และซิกเนเจอร์กาแฟส้ม

ไปต่อกันที่ สายชิล แนวพักผ่อนหย่อนใจ สายสีเขียวก็ไปได้ถึงสถานที่ตากอากาศบางปู แหล่งท่องเที่ยวมีชื่อเสียงสมัยคุณแม่ยังสาว ได้นั่งดูทะเลโง่ๆ แถมมีนกนางนวลเป็นเพื่อน ซึ่งอพยพหนีหนาวมาจากทวีปเอเชียตอนกลาง ใครอยากไปสัมผัสเจ้านางนวลตอนนี้ยังทัน เพราะจะมาอยู่ไทยแค่ช่วงเดือน ต.ค.-พ.ค. เท่านั้น วิธีไปก็ไม่ยาก แค่ไปลงสถานีเคหะฯ ทางออกที่ 3 แล้วต่อรถสองแถวไปประมาณ 10 นาทีก็ถึง

จากบางปูไม่ใกล้ไม่ไกลก็มี พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ที่นี่รูปปั้นช้างสามเศียรสีดำขนาดยักษ์มหึมาสูง 40 เมตร ตั้งเด่นเป็นสง่า สร้างจากโลหะทองแดงที่ทำขึ้นด้วยการเคาะมือ ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ในตัวช้างเป็นห้องนิทรรศการแบ่งเป็น 3 ชั้น บาดาล โลกมนุษย์ และสวรรค์ ตกแต่งผสมผสานศิลปะตะวันตกและตะวันออกสวยงาม ถ่ายรูปกันเพลินเลยทีเดียว สำหรับวิธีการมาที่นี่ก็ไม่ยาก มาได้ทั้ง สถานีปู่เจ้า และ สถานีช้างเอราวัณ ต่อรถอีกหน่อยก็ถึงแล้ว

ลุยใต้ดิน-ลอยฟ้ากับรถไฟฟ้า MRT สีน้ำเงิน

รถไฟฟ้าสายที่สอง ที่ “หัวเขียว” ชวนเที่ยวอยากแนะนำคือ โครงการรถไฟฟ้า MRT สีน้ำเงิน มีทั้งทางใต้ดิน และยกระดับลอยฟ้า มีระยะทาง 48 กม. 38 สถานี วิ่งวนเป็นวงกลมผ่านฝั่งทั้งพระนคร-ฝั่งธน และสถานที่น่าเที่ยวมากมาย ที่สำคัญเป็นไฮไลต์ไม่พูดถึงไม่ได้ มีถึง 4 สถานี ได้แก่ สถานีวัดมังกร สนามไชย อิสรภาพ และ สามยอด ที่ทั้ง 4 สถานีถูกยกย่องให้เป็นสถานีที่ดีที่สุดของไทย เป็นแหล่งเช็กอินท่องเที่ยวที่แค่เข้าไปเดินเล่นภายในสถานีก็คุ้มแล้ว ดังนั้นเพื่อไม่ให้เสียเวลา ไปกันต่อเลย

อันดับแรกเริ่มจาก “สถานีสนามไชย” ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานีรถไฟฟ้าที่สวยที่สุดของประเทศไทย ใช้เงินตกแต่งไปหลายสิบล้านบาท ตั้งอยู่ในพื้นที่อนุรักษ์เกาะกรุงรัตนโกสินทร์ ภายในสถานีออกแบบตระการตา ด้วยสถาปัตยกรรมของไทยแบบโบราณ รูปแบบสมัยรัตนโกสินทร์

แค่เดินเล่นภายในก็คุ้มแล้ว แถมออกมายังรายล้อมด้วยแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำมากมาย ประตู 1 โผล่มาเจอ มิวเซียมสยาม พื้นที่กระทรวงพาณิชย์เก่า ซึ่งพบกับอาคารสไตล์โคโลเนียลสีเหลือง แถมเป็นพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องราวประวัติศาสตร์ ศิลปะและวัฒนธรรมไทย ผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่น่าตื่นตาตื่นใจ

เดินต่อไปถึง พระบรมมหาราชวัง วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือ วัดพระแก้ว และ สนามหลวง เป็นศูนย์กลางแห่งพระนคร และจุดเช็กอินสำคัญของเมืองไทย ที่ชาวต่างชาติทุกคนต้องมาแวะชม โดยอดีตเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรี อีกทั้งยังเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมที่สำคัญของประเทศ ภายในแบ่งเป็นเขตพระราชฐาน โดยเขตพระราชฐานประกอบด้วยพระที่นั่งสำคัญ เช่น พระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท อีกด้วย

ใกล้ๆนั้นยังมี วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดโพธิ์ วัดประจำรัชกาลที่ 1 เต็มเปี่ยมไปด้วยความงดงามทางสถาปัตยกรรม โบราณวัตถุล้ำค่า อาทิ มีเจดีย์ 99 องค์ ยักษ์วัดโพธิ์ พระพุทธไสยาสน์ และฤาษีดัดตน

หากเดินกันเมื่อยแล้ว จะขอพาแวะไปพักผ่อนที่ท่าเตียน ย่านการค้าเก่า ที่นี่ปรับปรุงใหม่ไฉไล มีคาเฟ่ ร้านอาหารบรรยากาศดีทั้งแบบวินเทจ ชิค ชิค รอรับ หรือรอจนถึงเย็น ก็มีร้านอาหารนั่งชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา พระปรางค์วัดอรุณฯ อันซีนสุดๆ

มาเช็กอินกันต่อ ที่สถานีวัดมังกร สถานีนี้โดดเด่นไม่แพ้ใครถูกตกแต่งด้วยโทนสีแดง พร้อมศิลปะลวดลายบนผนังกราฟฟิตี้ ลายมังกร งิ้ว สัตว์ในตำนานต่างๆ พร้อมลูกเล่นภาพวาด 3 มิติให้กดชัตเตอร์เป็นที่ระลึก

เดินต่อไปทางออกที่ 3 ก็เจอวัดมังกรกมลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่) เป็นวัดเก่าแก่สร้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 สร้างเป็นแบบศิลปะจีนตอนใต้ มีวิหารท้าวจตุโลกบาลเป็นวิหารแรก ตรงกลางเป็นพระอุโบสถ ส่วนข้างหลังเป็นวิหารเทพเจ้า ซึ่งในอุโบสถประดิษฐานพระประธาน 3 องค์ คือ พระโคตมพุทธเจ้า พระอมิตาภพุทธะ และพระไภษัชย-คุรุพุทธะ แต่ละปีมักมีนักท่องเที่ยวมาทำบุญขอพรเสริมสิริมงคลจำนวนมาก โดยเฉพาะการมาสะเดาะเคราะห์สำหรับผู้เกิดปีชง วัดมังกรฯ ดังสุดเป็นนัมเบอร์ 1 ห้ามพลาดทีเดียว

ไปที่อีกแหล่งสายมูที่กำลังมาแรงโดนใจในตอนนี้ คือ “เทพเจ้าเห้งเจีย” ณ ศาลเจ้าไต้เสี่ยฮุกโจ้ว ซึ่งหลังจากนั้นออกจากสถานีแล้ว ให้เดินไปทางแยกหมอมี จะถึงศาลเจ้าแห่งนี้ ว่ากันว่า เป็นองค์เทพเจ้าเห้งเจียปางสำเร็จอรหันต์ที่เก่าแก่ที่สุดในไทยทีเดียว แต่ละวันมีผู้ศรัทธาของชาวเชื้อสายจีนมาขอพรกันอย่างไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน การงาน การเงิน เฮงๆ ปังๆ ความแคล้วคลาดปลอดภัย และสุขภาพแข็งแรง ว่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์มากๆ

ปิดท้ายด้วย ไปพักแวะหาของอร่อยๆ ย่านเยาวราช ไชน่าทาวน์ใหญ่ที่สุดของไทย พอออก ทางออกที่ 1 ก็เจอศูนย์รวมร้านอร่อยชื่อดังมากมาย เป็นสตรีทฟู้ดอันดับต้นๆเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็น นายหมงหอยทอด กับข้าวหมูแดงไข่ดำ ในซอยแปลงนาม น้ำสมุนไพรคั้นกี่ กับ ลอดช่องสิงคโปร์ ตรงแยกหมอมี บะหมี่จับกัง ในซอยเจริญกรุง 23 ร้านกวยจั๊บนายเอ็ก ข้าวมันไก่สไตล์ไหหลำ โอ๊ยมีอีกเพียบกินให้พุงกางกันไปเลย ยังไม่หมดแค่นี้ ย่านเยาวราชยังถือเป็นย่านค้าทองที่สำคัญ ถึงขั้นมีการสร้าง พิพิธภัณฑ์ทองคำห้างทอง ตั้ง โต๊ะ กัง เอาไว้ให้มาศึกษา ยิ่งตอนนี้ทองคำกำลังขาขึ้น ใครอยากเอาไปขายก็เชิญได้ตามสะดวก

เช็กอิน "สถานีสวย-สถานที่ท่องเที่ยวปัง" รอบกรุง

ต่อด้วย สถานีสามยอด ตั้งอยู่ย่านเมืองเก่า บริเวณเกาะรัตนโกสินทร์รอบนอกของเขตพระนคร การออกแบบสถานีจึงใช้สถาปัตยกรรมสมัยรัชกาลที่ 5 ควบคู่กับสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีสได้อย่างกลมกลืนมีเสน่ห์ แถมเป็นแหล่งรวมของวัฒนธรรม ไทย จีน แขก เข้าด้วยกัน

ที่นี่มีย่านการค้าสำคัญอย่างสะพานหัน พาหุรัด ที่เป็นศูนย์รวมการค้าผ้าและอุปกรณ์ตัดเย็บขนาดใหญ่ แถมยังเป็นชุมชนของชาวอินเดียแขกซิกข์ด้วย ภายในใกล้ๆมีศาลาเฉลิมกรุง โรงมหรสพหลวงที่ก่อตั้งขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 7 อยู่ห่างจากสถานีเพียง 300 เมตรเท่านั้น

นอกจากนี้ยังมีสถานที่แวะพักผ่อนหย่อนใจ อย่าง สวนรมณีนาถ หรือที่นิยมเรียกกันติดปากว่า คุกเก่า เป็นพื้นที่สีเขียวในเกาะรัตนโกสินทร์ รวมถึงยังมี คลองโอ่งอ่าง ซึ่งกรุงเทพมหานคร ปรับปรุงภูมิทัศน์ เนรมิตจากคลองน้ำเน่ามากลายเป็นคลองน้ำใสสะอาด ความยาว 750 เมตร เหมาะแก่การเดินเที่ยว ชิลริมน้ำ ถ่ายรูปคู่กราฟิตี รวมถึงมีเรือคยัคไว้พายเล่น ให้ฟีลลิ่งคล้ายๆคลองชองกเยชอนประเทศเกาหลียังไงยังงั้น

มาที่ สถานีอิสรภาพ อีกสถานที่ที่มีชื่อเสียงย่านฝั่งธน เพราะตั้งในเขตเมืองเก่าริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่นี่ตอบโจทย์สายมูอย่างยิ่งเพราะตั้งอยู่ศูนย์กลางของ 3 วัดเก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์ของเมืองไทย เริ่มกันที่ วัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร สร้างตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นวัดที่เกี่ยวเนื่องกับพระเจ้าตากสินมหาราช โดยในพระอุโบสถ มีหลวงพ่อแสนสมปรารถนา เป็นพระพุทธรูปสัมฤทธิ์นวโลหะ เรียกว่าใครปรารถนาสิ่งใดก็ขอพรสิ่งนั้นได้เลย ภายในวัดยังมีภาพพุทธประวัติและจิตรกรรมแฝงอยู่ ณ พระอุโบสถ ภายในวัดยังมีพระวิหารหลวงพ่อทองคำ ที่ขึ้นชื่อเรื่องความมั่นคงมั่งคั่ง และมีศาลพระเจ้าตากสินมหาราช อยู่ส่วนท้ายของวัด เหมาะสำหรับขอพรเรื่องชัยชนะ แคล้วคลาดจากภยันอันตราย

ต่อมาด้วย วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร เป็นวัดที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีพระปรางค์ขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านริมน้ำเจ้าพระยา ตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสส สีขาวตัดกับท้องฟ้าสวยงาม ขณะที่ยามเย็นก็รอชมพระอาทิตย์ตกดินได้ หรือช่วงค่ำก็สวยไปอีกแบบเพราะจะมีการเปิดไฟที่พระปรางค์ กลายเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของกรุงเทพฯเลยทีเดียว และวัดสุดท้าย วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร ไปถึงขอให้สักการะองค์พระประธานยิ้มรับฟ้า เป็นพระพุทธรูปเนื้อทองสำริด ปางสมาธิ ภายในอุโบสถ ส่วนที่ห้ามพลาดเด็ดขาด ต้องเข้าไปกราบ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) พระเถระรูป ที่เคารพนับถือของคนไทย

อย่างไรก็ตาม MRT สายสีน้ำเงินไม่ได้มีดีแค่ 4 สถานีเท่านั้น แต่ยังมีแหล่งเที่ยวโดนใจสายมู สายช็อป ชิม ชิลอีกมาก ไล่ไปตั้งแต่ สถานีหัวลำโพง นอกจากมีสถานีหัวลำโพงเป็นศูนย์กลางการเดินทางของรถไฟแล้ว ใกล้ๆกันยังมีวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร หรือวัดสามจีน เป็นวัดโบราณเก่าแก่ ประดิษฐานองค์พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร หรือหลวงพ่อทองคำ พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของไทย ซึ่งเหมาะกับการสักการะขอพรให้การค้า ร่ำรวย

ส่วนที่ฝั่งธนอย่าง สถานีบางไผ่ เดินไปทางออก 1 ก็จะเจอ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เป็นวัดขึ้นชื่อด้านวิปัสสนากรรมฐาน ริเริ่มโดยพระมงคลเทพมุนี หรือหลวงพ่อวัดปากน้ำ ที่สำคัญยังเป็นที่ประดิษฐานเจดีย์แก้วสีมรกตบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สูง 8 เมตร รวมไปถึงพระพุทธธรรมกายเทพมงคลสูง 69 เมตรด้วย ไปต่อกันที่ สถานีห้วยขวาง ขอแนะนำให้ไปที่ เทวาลัยพระพิฆเนศ ตรงทางออก 4 เหมาะสำหรับสายมูโดยเฉพาะ นิยมมากราบไหว้ขอพร ไม่ว่าจะเป็น การสอบ การเรียน การงาน ครอบครัว ความรัก สุขภาพครบสูตรในที่เดียว ยิ่งช่วงดึกๆคนยิ่งมาเยอะ

และไม่ใช่มีดีแค่สายมูเท่านั้น รถไฟฟ้าสายนี้ยังพาดผ่านพื้นที่สีเขียว สวนสาธารณะอีกหลายแห่งไว้พักผ่อน ออกกำลังกายช่วงเช้าเย็นอีกหลายแห่ง เริ่มต้นที่ สถานีลุมพินี มี สวนลุมพินี ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เป็นสวรรค์สำหรับคนชอบออกกำลังกายกลางแจ้ง ทั้งหนุ่ม สาว สูงวัยมีครบ ไม่ว่ารำมวยจีน รำกระบอง เต้นแอโรบิก วิ่ง ขี่จักรยาน ว่ายน้ำมาครบจัดเต็ม ไม่ไกลจากนั้น ที่ สถานีศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ยังสามารถเดินเชื่อมต่อไปยัง สวนป่าเบญจกิติ ได้ด้วย เป็นสวนป่าขนาดใหญ่ มีวิวทิวทัศน์อันสวยงาม สามารถไปเดินเล่นได้โดยเฉพาะช่วงเย็นๆ

พานั่งสายสีน้ำเงินต่ออีกนิด ไปที่ สถานีจตุจักร ทางออก 2 ก็เจอ สวนจตุจักร ภายในมีทั้งหอนาฬิกา นาฬิกาดอกไม้ ประติมากรรมอาเซียน 6 ประเทศ พื้นที่พักผ่อนหย่อนใจริมสระน้ำ แถมในช่วงเดือน ก.พ.ยังได้ชมบรรยากาศดอกชมพูพันธุ์ทิพย์บานสะพรั่ง เก็บภาพสวยไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย ใกล้ๆกันเดินไปถึง ยังมี สวนวชิรเบญจทัศ และ พิพิธภัณฑ์เด็ก โดยสวนวชิรเบญจทัศ หรือสวนรถไฟ มีพื้นที่กว้างใหญ่หลายร้อยไร่ สามารถขี่จักรยาน แถมยังมีอุทยานผีเสื้อและแมลงกรุงเทพฯ สวนโมกข์กรุงเทพฯ ไว้คอยนั่งสมาธิได้อีก

และปิดท้ายพลาดไม่ได้สำหรับสายช็อป ที่ ตลาดนัดจตุจักร เป็นตลาดนัดที่มีชื่อเสียงระดับโลก ภายในคึกคักไปด้วยแผงร้านค้า เสื้อผ้า หนังสือ ต้นไม้ ของมือสอง สัตว์เลี้ยง หลายพันแห่งเลยทีเดียว แต่เปิดเฉพาะเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น

ทำบุญ-ชมตลาด ไม่พลาดรถไฟฟ้าสายสีม่วง

ปิดท้ายด้วย รถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง มีระยะทาง 23 กิโลเมตร เป็นทางยกระดับทั้งหมด มีทั้งหมด 16 สถานี วิ่งผ่านกรุงเทพฯ เชื่อมต่อไปนนทบุรี แม้จะไม่ใหญ่ยาวเท่ากับบีทีเอส สายสีเขียว และ MRT สีน้ำเงิน แต่สายสีม่วงก็มีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจไม่แพ้ใคร

โดยเฉพาะสายมู อันดับแรกขอพาไป ศาลหลักเมือง จ. นนทบุรี พาไปลง สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี ทางออก 1 เพื่อไปไหว้สักการะเสริมมงคลให้ชีวิต ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่เคารพบูชาของชาวเมืองนนท์ ถัดมาไปต่อ วัดเล่งเน่ยยี่ 2 หรือ วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ โดยนั่งลง สถานีบางพลู ทางออก 1 เป็นวัดจีนขนาดใหญ่มีพื้นที่ถึง 12 ไร่ อยู่ในความอุปถัมภ์ของคณะสงฆ์จีนนิกายแห่งประเทศไทย ออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมสมัยราชวงศ์หมิง ตกแต่งด้วยจิตรกรรมพุทธศิลป์โบราณ นอกจากจะมาไหว้สักการะขอพรแล้ว วัดแห่งนี้ยังมีความสวยงาม เหมาะแก่การท่องเที่ยว ถ่ายภาพเช็กอินอีก

ไม่ไกลจากนั้นนั่งไปลง สถานีพระนั่งเกล้าทางออก 2 ได้ชมแม่พระธรณีที่สวยที่สุด ที่ วัดชมภูเวก เป็นวัดที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ภายในอุโบสถเก่าและวิหารภายในมีภาพจิตรกรรมที่งดงามโดยเฉพาะภาพแม่พระธรณีบีบมวยผมที่เป็นส่วนหนึ่งของภาพมารผจญ ว่ากันว่าเป็นผลงานชั้นครูที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย

นอกจากนี้ ตามเส้นทาง MRT สายสีม่วง ยังมีวัดดังอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น วัดสร้อยทอง ลงที่ สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี ทางออก 1 เพื่อไปขอพรหลวงพ่อเหลือ วัดเลียบราษฎร์บำรุง ลงที่ สถานีวงศ์สว่าง สามารถสักการะกายสังขารหลวงพ่อสร้อย ธมมฺรโส รวมถึงวัดบางไผ่ พระอารามหลวงลงที่ สถานีบางพลู เพื่อขอพรหลวงพ่อทองกัน

และปิดท้ายสำหรับสายมู ขอพาไปไหว้ เทวาลัยพระพิฆเนศ บางใหญ่ ที่ สถานีตลาดบางใหญ่ เป็นพระพิฆเนศ องค์สำริดเหล็ก แปะทองคำเปลวบริสุทธิ์ทั้งองค์ มีความเชื่อกันว่าใครมาขอพรจะประสบความสำเร็จได้ทั้ง 3 โลก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงิน การงาน และผู้ที่มีอุปสรรคต่างๆ ส่วนเคล็ดลับการขอพร หากขอด้านโชคลาภการเงินให้ขอทางด้านซ้ายมือขององค์พระพิฆเนศ ถ้าขอในเรื่องของการแก้ไขปัญหาอุปสรรคให้ขอตรงกลางด้านหน้า แต่ถ้าขอในเรื่องของวาสนาบารมีให้ขอทางด้านขวามือของพระพิฆเนศ

ส่วนสายท่องเที่ยว ก็ไม่ต้องน้อยใจ สายสีม่วงมีแหล่งท่องเที่ยวให้เดินเล่น เดินชิลเช่นกัน เริ่มจากเกาะเกร็ด โดยสามารถนั่งสายสีม่วงไปลง สถานีสะพานพระนั่งเกล้า ทางออก 3 ต่อท่าเรือสะพานพระนั่งเกล้าไปเกาะเกร็ด ซึ่งเกาะเล็กๆกลางแม่น้ำเจ้าพระยาเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ วิถีชีวิตชุมชนไทยรามัญ และวัดวาอารามอีกหลายแห่ง โดยที่สำคัญที่สุดคือ วัดปรมัยยิกาวาสวรวิหาร มีพระเจดีย์มุเตา (เจดีย์เอียง) เป็นสัญลักษณ์ของเกาะเกร็ด นั่นเอง

หากใครเหนื่อยแล้วพาไปสถานีแยกติวานนท์ เพื่อชาร์จพลังต่อด้วยของอร่อยที่ท่าน้ำนนท์ เป็นท่าน้ำเก่าแก่ที่อยู่คู่กับชาวนนท์มานาน มีสัญลักษณ์คือหอนาฬิกา แต่ทีเด็ดสุดก็คือเป็นศูนย์รวมของอร่อยสารพัดร้านเด็ดเจ้าดัง ทั้งส้มตำ ไก่ย่าง ก๋วยเตี๋ยว เกาเหลา กวยจั๊บ ข้าวขาหมู เป็ดพะโล้ ขนมไข่ เรียกว่าไปวันเดียวตามกันไม่ครบ

นอกจากท่าน้ำนนท์แล้ว สายสีม่วงยังผ่านย่านตลาดเตาปูน อีกแหล่งศูนย์รวมของอร่อยต้นๆของเมืองไทย โดยออกทางออกที่ 3 ก็มีอาหารให้เลือกชิมมากมาย เช่น ราดหน้าบางโพ วิเศษไก่ย่าง รวมไปถึงก๋วยเตี๋ยวเรือ ขนมหวาน หรือไอศกรีมโบราณ

  • ปิดท้ายพาไปละลายทรัพย์ที่ ตลาดนกฮูก ลงที่สถานีแยกนนทบุรี 1 ทางออก 4 เป็นแหล่งตลาดนัดขนาดใหญ่ยามค่ำคืน ร้านค้าเนืองแน่นหลายร้อยแห่ง ไม่ว่าจะเป็นสินค้าวินเทจ มือ 1 มือ 2 ของเก่าของแต่งบ้าน เสื้อผ้า เครื่องประดับ รวมถึงร้านอาหารมากมาย หรือใครหิวอยากหาร้านอาหาร นั่งกิน นั่งแฮงเอาต์ ที่ตลาดนกฮูกก็มีให้เลือกเช่นกัน

เหล่านี้ก็เป็นเส้นทางท่องเที่ยว ตามเส้นทางรถไฟฟ้า 3 สี เหมาะแก่คนที่ชอบการเดินทางที่สะดวกสบาย ไปเช้ากลับเย็นแบบง่ายๆ ใครใคร่สายไหน ก็พาไปกันได้ หรือจะเลือกไปวันละสายก็ไม่ผิดกติกา รับรองว่าเที่ยวตามแนวรถไฟฟ้า สนุกไม่แพ้เดินทางไปไกลแน่นอน.

ทีมเศรษฐกิจ

คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปเศรษฐกิจ” เพิ่มเติม


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ