พันเอกสรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เปิดเผยว่า ปี 2566 ที่ผ่านมา NT มีรายได้รวม 82,000 ล้านบาท ขาดทุน 2,200 ล้านบาท เทียบกับปี 2565 ที่มีรายได้ 91,000 ล้านบาท ขาดทุน 9,800 ล้านบาท โดยหากพิจารณาจากตัวเลขขาดทุนในปี 2566 แล้ว พบว่าลดลงจากปี 2565 และลดลงจากแผนที่คาดว่าจะขาดทุน 4,200 ล้านบาท สืบเนื่องจากความพยายามในการเพิ่มรายได้และลดค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร ซึ่ง NT พยายามปรับลดจำนวนพนักงานลงอย่างต่อเนื่องหลังควบรวมกิจการสำเร็จในปี 2564
ด้านเป้าหมายรายได้ในปี 2567 วางกรอบไว้ใกล้เคียงกับปี 2566 ส่วนผลดำเนินงานคาดจะยังขาดทุน 2,400 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขขาดทุนมีผลจากการจัดสรรงบประมาณภายใต้โครงการเออร์ลี่รีไทร์ (เกษียณก่อนอายุ) ซึ่งเป็นเงินระดับพันล้านทุกปี อย่างไร ก็ตามหากตัดงบเออร์ลี่รีไทร์ออกไป ในปี 2567 นี้ NT จะกลับมาทำกำไรได้ราว 900 ล้านบาท ซึ่งเป็นกำไรในระดับสูงสุดนับตั้งแต่ควบรวมกิจการเสร็จสิ้น อย่างไรก็ตามภายใต้แผนระยะยาวของ NT ตั้งเป้าทำกำไรสุทธิได้ในปี 2572 ซึ่งประมาณการณ์กำไรสุทธิไว้ที่ 1,200 ล้านบาท
พันเอกสรรพชัยย์ ยังอัปเดตจำนวนพนักงาน NT ล่าสุดอยู่ที่ 12,600 คน โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา เป็นปีที่มีจำนวนพนักงานเข้าโครงการเออร์ลี่รีไทร์สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,000 คน เนื่องจากมีการเคาะค่าตอบแทนในระดับจูงใจมาก อย่างไร ก็ตามยังเป็นจำนวนที่ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 1,200 คน โดยปัจจุบันค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรของ NT คิดเป็น 35% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด แต่มีแผนปรับลดให้เหลือ 25% ให้ได้ นอกจากนั้นในปี 2567 นี้ บอร์ด NT ยังเพิ่งอนุมัติปรับขึ้นเงินเดือนพนักงานอัตรา 5.5% เนื่องจากสหภาพแรงงานเห็นว่าประมาณการณ์ขาดทุนปีนี้ มาจากการต้องตั้งงบประมาณสำหรับโครงการเออร์ลี่รีไทร์ ไม่ใช่ผลขาดทุนจากการดำเนินงาน
ส่วนกรณีที่ใบอนุญาตคลื่นความถี่ของ NT จะหมดอายุลงในเดือนก.ย. 2568 อันประกอบด้วยคลื่นความถี่ 850 MHz, 2100 MHz และ 2300 MHz นั้น NT เตรียมจะทำแผนดำเนินธุรกิจหลังคลื่นหมดอายุและส่งให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช.พิจารณาต่อไป โดยคาดว่าจะส่งแผนภายในเดือน ส.ค.2567 เพื่อให้อยู่ในกรอบระยะเวลา 1 ปี ก่อนใบอนุญาตจะหมดอายุในเดือนก.ย.2568 ซึ่งหลังทั้ง 3 คลื่นหมดอายุ NT จะเหลือคลื่น 700 MHz เพียง 5 MHz ไว้ให้บริการเท่านั้น โดยปัจจุบันลูกค้ามือถือ NT ที่ใช้งานสม่ำเสมอมีอยู่ราว 1.7 ล้านราย
พันเอกสรรพชัยย์ กล่าวถึงการปรับโครงสร้างธุรกิจองค์กร โดยเฉพาะการนำทรัพย์สินที่เป็นอาคารสำนักงาน ที่ดินหลายแห่งมาสร้างรายได้ภายใต้นโยบายของบอร์ดชุดปัจจุบันว่า แผนดำเนินงานล่าช้ากว่าเป้าหมายเล็กน้อย อย่างไรก็ตามหากนำพอร์ตสินทรัพย์ด้านอสังหาริมทรัพย์ของ NT มาบริหารจัดการเพื่อให้เกิดรายได้ ตั้งเป้าผลตอบแทนที่ราว 2% จะทำให้ NT มีรายได้เพิ่มขึ้นทันที 3,500 ล้านบาทต่อปี
ส่วนการแตกธุรกิจที่มีอนาคตสดใสออกไปตั้งเป็นบริษัทลูก (Spin off) นั้น เบื้องต้นมองจะแยกธุรกิจออกตั้งเป็น 2 บริษัท ทั้งหมดเป็นธุรกิจดิจิทัล บริการคลาวด์ ซึ่งทำรายได้เติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 15% แต่ยังไม่อยากเปิดเผยรายละเอียดมากกว่านี้.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่