ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 25 มี.ค. ศาลปกครองสูงสุด ได้มีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลปกครองกลาง เป็นให้รับคำฟ้องของนายนภดล วงษ์วิหค และพวก ที่เป็นผู้ใช้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เอไอเอส และทรูมูฟ จำนวน 5 รายที่ได้ยื่นฟ้อง คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) ต่อศาลปกครองกลาง โดยมีการขอให้ศาลเพิกถอนประกาศ กสทช. เรื่องมาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคมลงวันที่ 4 ธ.ค.2560 และขอให้เพิกถอนมติกรณีรับทราบการควบรวม บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น และ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด(ดีแทค) โดยให้ศาลปกครองกลางดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามรูปคดี รวมทั้งพิจารณาคำขอเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาคดีของผู้ฟ้องคดีทั้ง5ต่อไป
ทั้งนี้ ศาลปกครองสูงสุดให้เหตุผลว่า บริการโทรคมนาคมเป็นบริการสาธารณะขั้นพื้นฐาน มีผลต่อประชาชน และด้วยข้อจำกัดเกี่ยวกับปริมาณคลื่นความถี่ที่มีจำนวนจำกัด อีกทั้งการลงทุนในกิจการโทรคมนาคมต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก ตลาดหรืออุตสาหกรรมโทรคมนาคมจึงมีผู้ประกอบการน้อยราย ทำให้มีลักษณะเป็นการกึ่งผูกขาดโดยธรรมชาติ การที่ผู้ประกอบการในกิจการโทรคมนาคมจะควบรวมธุรกิจหรือไม่ จึงกระทบต่อการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม มีผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้บริการในวงกว้างด้วย ข้อพิพาทคดีนี้ถือว่าเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม จึงมีอำนาจรับคำฟ้องนี้ไว้พิจารณาพิพากษาได้.