พิษเศรษฐกิจ-ดอกเบี้ยแพง ค่าก่อสร้างพุ่ง! ฉุดตลาด “สร้างบ้าน” หดตัวรุนแรงที่สุดในรอบ 3 ปี 

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

พิษเศรษฐกิจ-ดอกเบี้ยแพง ค่าก่อสร้างพุ่ง! ฉุดตลาด “สร้างบ้าน” หดตัวรุนแรงที่สุดในรอบ 3 ปี 

Date Time: 21 มี.ค. 2567 15:07 น.

Video

เปิดทริกวางแผนการเงิน เพื่อชีวิตที่มีประสิทธิภาพ

Summary

  • ศูนย์รับสร้างบ้าน พีดีเฮ้าส์ เผย พิษเศรษฐกิจ-ดอกเบี้ยแพง-ค่าก่อสร้างขยับ ส่งผลราคาบ้านแพง ฉุดตลาด “รับสร้างบ้าน” ทั่วประเทศ มูลค่าหดตัวรุนแรงที่สุดในรอบ 3 ปี ทำเล กทม. กำลังซื้อ ยอดสั่งสร้างบ้าน ซบเซาสุด

Latest


ลามไปทั่วหลายธุรกิจ สำหรับผลกระทบทางเศรษฐกิจ จากหลายๆ ปัจจัยลบก่อนหน้านี้ ล่าสุด ศูนย์รับสร้างบ้าน พีดีเฮ้าส์ เจ้าใหญ่ในตลาดรับสร้างบ้าน "สิทธิพร สุวรรณสุต" ประธานกรรมการบริหาร บริษัท พีดี เฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ออกมาให้ข้อมูลว่า ปริมาณและมูลค่าตลาดบ้านสร้างเองทั่วประเทศ เมื่อปี 2566 (มิใช่บ้านจัดสรร) ชะลอตัวตามที่คาดการณ์ไว้ 


โดยในปี 2565 ปริมาณและมูลค่าตลาดบ้านสร้างเองอยู่ที่ 2 แสนล้านบาท แต่ในปี 2566 พบว่าตัวเลขมูลค่าตลาดลดลงเหลือ 1.72 แสนล้านบาท หรือลดลงคิดเป็น 14% สะท้อนให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจประเทศที่ซบเซา ส่งผลให้กำลังซื้อและความต้องการสร้างบ้านของประชาชนลดลง ในส่วนของตลาดรับสร้างบ้านทั่วประเทศ 

โดยกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านหรือศูนย์รับสร้างบ้าน พบว่าปริมาณและมูลค่าตลาดปรับตัวลดลงไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้ ในปี 2565 ขนาดตลาดรับสร้างบ้านมีมูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท แต่ปรากฏว่าปี 2566 ปรับตัวลดลงเหลือ 1.8 หมื่นล้านบาท หรือลดลงเฉลี่ย 18% (หดตัวสูงสุดในรอบ 3 ปี) โดยมูลค่าตลาดที่ชะลอตัวและปรับลดลงมากที่สุดตามลำดับ ได้แก่ 

  • กรุงเทพฯ 
  • ภาคเหนือ 
  • ภาคอีสาน 

ส่วนแนวโน้มและทิศทางตลาดบ้านสร้างเองปี 2567 พีดีเฮ้าส์ ประเมินว่ากำลังซื้อและความต้องการสร้างบ้านของผู้บริโภคและประชาชนยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบสำคัญๆ ได้แก่ 

  • เศรษฐกิจและการค้าที่ซบเซา 
  • อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมธนาคาร 
  • ราคาวัสดุก่อสร้าง
  • ค่าก่อสร้างบ้านสูงขึ้นมาก 
  • ปัญหาค่าครองชีพ
  • ภาระหนี้ครัวเรือน 

ทั้งหมดส่งผลต่อกำลังซื้อ โดยเฉพาะผู้บริโภคกลุ่มที่ต้องการสร้างบ้านขนาดเล็กพื้นที่ใช้สอยไม่เกิน 100-120 ตารางเมตร หรือราคาบ้านไม่เกิน 2 ล้านบาท และผู้บริโภคกลุ่มที่ต้องการสร้างบ้านขนาดใหญ่ พื้นที่ขนาด 500 ตารางเมตรขึ้นไป หรือราคามากกว่า 10 ล้านบาท คาดว่าจะได้รับผลกระทบและมีสัดส่วนลดลงมากที่สุดในปีนี้ 

ปัญหาหลักๆ ได้แก่ การฟื้นตัวช้าของเศรษฐกิจประเทศ และนโยบายภาครัฐที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ชัดเจนและล่าช้า ซึ่งยังมองไม่เห็นปัจจัยบวกใดๆ ที่จะสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนในการจับจ่ายใช้สอย หรือลงทุนในทรัพย์สินประเภทอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะการลงทุนเรื่องบ้าน หรือสร้างบ้านเอง

“ตลาดรับสร้างบ้านทั่วประเทศ ปี 2567 คาดว่าความต้องการสร้างบ้านของผู้บริโภคมีแนวโน้มชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจประเทศ โดยเฉพาะกำลังซื้อกลุ่มนักธุรกิจ หรือเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก และกลุ่มชาวต่างชาติ ที่ผ่านมา 2 กลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของตลาดรับสร้างบ้าน แต่คาดว่าในปีนี้กำลังซื้อของ 2 กลุ่มนี้จะมีสัดส่วนลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนๆ” 

อย่างไรก็ตาม ความต้องการสร้างบ้านและกำลังซื้อที่ลดลง อาจส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการที่แข่งขันอยู่ในตลาดรับสร้างบ้านแตกต่างกันไป เพราะแนวโน้มผู้บริโภคจะนิยมใช้บริการกับผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน ที่ประวัติและชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ หรือมีแบรนด์เป็นที่น่าไว้วางใจ มากกว่าจะเลือกผู้ประกอบการที่ขาดความน่าเชื่อถือในการประกอบธุรกิจ นอกจากนี้ในสายตาของผู้บริโภคกลุ่ม Gen X และ Gen Y ยังให้ความสำคัญ และสนใจที่จะเลือกใช้บริการกับผู้ประกอบการที่มีจุดยืนทางธุรกิจและจุดขายที่ชัดเจน

ทั้งนี้ ในปี 2567 บริษัทฯ มีการปรับโครงสร้างการบริหารงานและบุคลากรภายในองค์กรใหม่ และจะหันมาให้ความสำคัญด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทั้งในปัจจุบันและอนาคต เพื่อจะตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคกลุ่ม Gen X และ Gen Y มากขึ้น ภายใต้เป้ายอดขายบ้านเฉลี่ยสาขาละ 30-50 ล้านบาท จากปัจจุบันศูนย์รับสร้างบ้าน พีดีเฮ้าส์ มีสาขาทั่วประเทศรวม 31 สาขา

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์