ต้องยอมรับว่า ขณะนี้ ผลกระทบปัญหา “หนี้ครัวเรือนไทย” ลามไปแทบทุกธุรกิจ โดยเฉพาะตลาดที่อยู่อาศัย ที่แม้ คนไทย ยังมีดีมานด์ แต่ด้วย ต้นทุนบ้าน ที่สูงขึ้น ราคาบ้าน-ราคาคอนโดมิเนียม แพงขึ้น ประกอบกับ “ดอกเบี้ย” ทำให้กำลังซื้ออ่อนแอ ยอดปฏิเสธสินเชื่อ อยู่ในสัดส่วนสูงจนน่ากังวล
ล่าสุด “ดร.ยุ้ย-เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ในกลุ่ม กลุ่ม BOI คอนโดฯ (คอนโดฯ ราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาท) ภายใต้แบรนด์ SENA KITH, COZI และ ECO TOWN
ออกมาระบุถึง ผลดำเนินงาน และแผนธุรกิจปี 2567 ว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ยังคงเป็นความท้าทายของแผนขับเคลื่อนธุรกิจ เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ และด้านอื่นๆ ยังคงมีมาอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน ทั้งปัญหาหนี้สินครัวเรือน ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้นอัตราดอกเบี้ยปรับสูงขึ้นในรอบ 10 ปี
ส่งผลให้สถาบันการเงินปฏิเสธการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสูงถึง 70% ซ้ำด้วยราคาที่ดินปรับเพิ่มขึ้น 1.5% ก็ส่งผลให้ราคาที่อยู่อาศัยปรับเพิ่มขึ้นตามไปด้วยเฉลี่ย 5-10% ซึ่งผู้ประกอบการทุกเจ้าก็คงต้องปรับตัวตาม
“จากปัญหา “หนี้ครัวเรือน” ที่กำลังกระทบต่อสถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ไทย เสนาเองก็หลีกหนีปัญหาและผลกระทบเหล่านี้ไปไม่ได้เช่นกัน”
อย่างไรก็ดี บริษัทมีการวางแผนแนวทางในการบริหารจัดการธุรกิจ และจัดการปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ บนทิศทางของตัวเอง ซึ่งตอบโจทย์และเป็นไปในทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง พิสูจน์ได้จากความสำเร็จในปี 2566 ที่ผ่านมา เสนาเปิดตัวโครงการใหม่ไป 16 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 17,793 ล้าน สามารถสร้างรายได้สูงกว่าหมื่นล้านที่ 10,954 ล้านบาท โตขึ้นกว่า 12% มีกำไรขั้นต้นกว่า 3,200 ล้าน ขณะที่ยอดโอนอยู่ที่ 8,432 ล้าน หรือโตกว่า 9% โดยทุกผลการดำเนินงานเป็นไปในทิศทางบวก และดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ดร.ยุ้ย-เกษรา กล่าวต่อว่า ถึงปีที่ผ่านมาเสนาจะมีผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ แต่ปัญหาต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคยังคงไม่มีแนวโน้มจะลดลง ดังนั้นในปี 2567 นี้ เสนาจึงวางแผนธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตโดยให้ความสำคัญกับปัญหาของเศรษฐกิจประเทศ ควบคู่ไปกับความสำคัญกับ Social Challenge ในภาพใหญ่ไปพร้อมๆ กัน
โดยแผนธุรกิจปีนี้ บริษัท จะเจาะลึกเรื่อง segmentation มากขึ้น เน้นกลุ่มเรียลดีมานด์ที่สามารถซื้อบ้านได้ที่ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ไปจนถึง 3.6 ล้านบาท หรือมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มากที่สุด มีถึง 54% เทียบจากรายได้ครัวเรือนของคนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งตรงกับบ้านหรือคอนโดฯ ในกลุ่ม Affordable Segment ที่เป็นสินค้าหลักของกลุ่มเสนาที่มีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว
นอกจากนี้ เสนายังขยาย Segment สู่ตลาดบนเพิ่มเติม ผ่านการบริหารจัดการของบริษัทในเครืออย่าง SENX ที่เชี่ยวชาญในตลาดกลุ่มบน โดยจะเปิดโครงการบ้านเดี่ยวระดับ Luxury เพิ่มเติมในทำเลศักยภาพในกรุงเทพฯ ราคาประมาณ 30 ล้านบาท โดยมีจุดเด่นที่บริการส่วนตัวระดับ Elite Residences ที่ผ่านการอบรมจากกลุ่มพาร์ตเนอร์ของเราคือ ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป (HHP) จากญี่ปุ่นด้วยมาตรฐานของโรงแรมในระดับสากล
“ปีนี้ ตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 17 โครงการ มูลค่ารวม 28,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้าน 5 โครงการ และคอนโดฯ 12 โครงการ ขณะที่ยอด Pre sales ตั้งเป้าไว้ที่ 17,500 ล้าน และเป้าโอนที่ 12,700 ล้าน”
นอกจากนี้ เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Financial Asset อย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้ โดย เปรียบเสมือน Financial Asset ที่จะช่วยให้คนไทย เป็นเจ้าของบ้านได้อย่างง่ายๆ รวมถึงยังตอบโจทย์ Generation Rent หรือคนในกลุ่ม Gen Y และ Z ที่เป็นเจ้าของบ้านได้ยากขึ้นจากราคาบ้านที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องสวนทางกับรายได้ในปัจจุบัน
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney