สกัดเส้นทางเงินโจรออนไลน์ ดีอีถก ก.ล.ต.ไล่ล่าเงินถูกโกงผ่านบัญชีคริปโต

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

สกัดเส้นทางเงินโจรออนไลน์ ดีอีถก ก.ล.ต.ไล่ล่าเงินถูกโกงผ่านบัญชีคริปโต

Date Time: 13 ก.พ. 2567 09:25 น.

Summary

  • ดีอีถก ก.ล.ต.ไล่ตามบัญชีคริปโต ยกระดับสกัดเส้นทางเงินมิจฉาชีพออนไลน์ ด้าน กสทช.เตือนผู้ถือครองซิมการ์ด 101 เบอร์ขึ้นไป ต้องลงทะเบียนยืนยันตัวตนภายใน 14 ก.พ.นี้ ไม่เช่นนั้นจะถูกระงับบริการ ส่วนผู้ที่ถือครอง 6–100 เบอร์ยืนยันได้ถึง 13 ก.ค.นี้ ลดโอกาสมิจฉาชีพนำซิมไปใช้กระทำความผิด

Latest

5 วิชา “การเงิน การลงทุน” ต้องรู้! เป็นหนี้อย่างไร? ให้มี “เงินเก็บ” เกษียณแบบมีรายได้

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า ในปี 67 ดีอีมีเป้าหมายดำเนินงานใน 7 ด้าน ประกอบด้วย 1.นโยบายด้านคลาวด์ (Cloud First Policy) 2.เร่งผลักดันปัญญาประดิษฐ์ (AI Agenda) 3. 1 อำเภอ 1 IT Man 4.พัฒนากำลังคนดิจิทัล (Digital Manpower) 5.Cell Broadcasting หรือระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉิน ส่งตรงไปยังมือถือทุกเครื่องในพื้นที่รวดเดียว 6.แก้ปัญหาภัยออนไลน์ 7.ยกระดับความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัล หรือ Thailand Digital Competitiveness Ranking

ทั้งนี้ เริ่มจากนโยบายด้านคลาวด์จะเริ่มคิกออฟ หลังนายกรัฐมนตรีลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะด้านขับเคลื่อน Cloud First Policy ซึ่งมี รมว.ดีอีเป็นประธาน เน้นผลักดันการใช้ระบบคลาวด์เพื่อพัฒนาการให้บริการประชาชนไม่น้อยกว่า 220 กรม คิดเป็นจำนวนการใช้งาน 75,000 VM เป็นต้น ส่วนด้าน AI จะเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานปัญญาประดิษฐ์สำหรับภาษาไทย หรือ Thai Large Language Model (Thai LLM) ซึ่งจะช่วยทำให้การใช้ AI ในการสอบสวนจับกุมมิจฉาชีพออนไลน์มีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนั้น ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเพิ่มอัตรากำลังพนักงานราชการด้านดิจิทัลประจำอำเภอภายใต้นโยบาย 1 อำเภอ 1 IT Man จำนวน 878 อำเภอทั่วประเทศ ใช้งบประมาณราว 200 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้มีผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลคอยช่วยเหลือในแต่ละชุมชน เช่นเดียวกับระบบ Cell Broadcast ซึ่งปีนี้น่าจะเปิดให้บริการได้ โดยจะใช้งบประมาณราว 1,000 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นการลงทุนจากโอเปอเรเตอร์รายละ 300 ล้านบาท โดยสามารถนำงบลงทุนไปหักลดหย่อนจากเงินที่ต้องส่งเข้ากองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) ส่วนที่เหลือเป็นการจัดสรรงบประมาณจากภาครัฐ

ส่วนการแก้ปัญหาภัยออนไลน์จะริเริ่มให้สามารถติดตามเงินที่ถูกฉ้อโกงผ่านบัญชีคริปโตเคอร์เรนซีได้ โดยอยู่ระหว่างการทำงานร่วมกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และศึกษาข้อกฎหมายภายใต้ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 ว่าจะสามารถดำเนินการใดได้บ้าง โดยจะเน้นที่การระงับการโอนเงินข้ามบัญชี เพื่อให้เรียกคืนเงินมาให้กับผู้เสียหายให้ได้มากที่สุด

ด้านการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลยกระดับ Thailand Digital Competitiveness มีเป้าหมายขยับสู่อันดับ 33 ในปีนี้ จากอันดับ 35 ในปี 2566 และอันดับ 30 ในปี 2569 โดยเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานปัญญาประดิษฐ์สำหรับภาษาไทย (Thai LLM) พัฒนากำลังคนและเพิ่มศักยภาพด้านความมั่นคงทางข้อมูล

ด้าน นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (ประธาน กสทช.) กล่าวว่า จากกรณีที่ กสทช.ได้ออกประกาศ กสทช. เรื่องการยืนยันตัวตนและข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการของผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ กำหนดให้ผู้ถือครองซิมการ์ดตั้งแต่ 6 เบอร์ขึ้นไป ต้องยืนยันตัวตนกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น ขอย้ำเตือนว่า วันที่ 14 ก.พ.นี้ เป็นวันสุดท้ายของการยืนยันตัวตนของผู้ที่ถือครองซิมการ์ดตั้งแต่ 101 เลขหมายขึ้นไป หากไม่ยืนยันตัวตนภายในกำหนด หมายเลขจะถูกระงับบริการ สำหรับผู้ที่ถือครองซิมการ์ดตั้งแต่ 6-100 เลขหมาย ยังยืนยันตัวตนได้ถึงวันที่ 13 ก.ค.นี้

“มาตรการนี้เป็นขั้นตอนตรวจสอบและลดโอกาสของมิจฉาชีพในการนำซิมการ์ดไปใช้กระทำผิด หรือผูกกับบัญชีม้า เมื่อดำเนินการเสร็จจะทำให้จำนวนหมายเลขที่ไม่ได้ถูกใช้งานจริงลดลง และเมื่อมีคดีเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่สามารถสอบสวนขยายผลจากหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ลงทะเบียน และหมายเลขที่ผูกกับบัญชีม้า เพื่อสืบไปถึงมิจฉาชีพได้”.

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ