ปัญหา “ขาดแคลนแรงงาน” กำลังน่าห่วงมากขึ้นเรื่อยๆ ในสังคมไทย ด้วยคาดการณ์ว่า ราวปี 2572 หรืออีก 5 ปีข้างหน้า ไทยจะกลายเป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศแรกในเอเชียที่เปลี่ยนผ่าน จากสังคมสูงวัยขั้นสมบูรณ์ ไปสู่ คำว่า “สังคมสูงวัยขั้นสุดยอด”
ซึ่งมาจาก 2 ปัจจัยหลัก ได้แก่
ทั้งนี้ ด้วยโครงสร้างประชากรที่ใช้เวลาเปลี่ยนผ่านแค่ 8 ปี ทำให้ภาคธุรกิจมีแนวโน้มเสี่ยง ขาดแคลนแรงงาน สูงขึ้น ภายใต้คาดการณ์ข้างหน้า ว่า ไม่ถึง 30 ปี สัดส่วนแรงงานของไทย ที่มีอายุในช่วง 15-59 ปี ต่อประชากรทั้งหมด จะลดลงจาก 62% ในปี 2566 เหลือเพียงราว 50% ในปี 2593
ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้ว่า การขาดแคลนแรงงานจะยิ่งรุนแรงขึ้นในช่วงข้างหน้า และจะกระทบต่อธุรกิจที่มีสัดส่วนการใช้แรงงานสูง 5 กลุ่มด้วยกัน ดังนี้
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว จะทำให้ธุรกิจเหล่านี้อาจต้องหันไปพึ่งพาแรงงานต่างด้าวทักษะต่ำจากประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น ขณะที่บางธุรกิจ เช่น ธุรกิจค้าปลีก/ค้าส่ง และ ธุรกิจการผลิต อาจแก้ปัญหาด้วยเทคโนโลยี ทั้งการนำหุ่นยนต์/นวัตกรรม มาประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ควบคู่ไปก้บการยกระดับผลิตภาพ/ทักษะแรงงานไทยให้ เท่าทันเทคโนโลยี ที่มีการพัฒนาไม่หยุดนิ่ง
เนื่องจากปัจจุบัน ตลาดแรงงานไทย ยังเผชิญกับความท้าทาย ด้านคุณภาพแรงงาน ที่ส่วนใหญ่ยังมีทักษะไม่ตรงกับความต้องการของตลาด รวมถึงจำนวนแรงงานทักษะสูง ยังไม่เพียงพอ และยังมีสัดส่วนแรงงานที่มีทักษะด้านดิจิทัลต่ำกว่าอีกหลายประเทศ ส่งผลให้บางธุรกิจ เช่น ธุรกิจไฮเทคต่างๆ ต้องนำเข้าแรงงานกลุ่มนี้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังชี้ว่า มองไปข้างหน้า การดึงดูดแรงงานข้ามชาติทักษะสูง คงขึ้นอยู่กับว่าไทย สามารถจูงใจ การลงทุนต่างประเทศ และมีนโยบายสนับสนุนการเข้ามาทำงานของชาวต่างชาติในประเทศไทย เพื่อแข่งขันกับประเทศต่างๆ ได้มากน้อยแค่ไหน
เช่น สิงคโปร์ ที่มีการให้สิทธิการเป็นพลเมืองแก่แรงงานทักษะสูง และส่วนลด/ผลประโยชน์ด้านภาษีแก่ต่างชาติที่เข้ามาลงทุน ขณะจีน ก็มีภาษีอัตราพิเศษให้แก่แรงงานสูง และโครงการดึงดูด Talent จากทั่วโลก เป็นต้น
ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย