เวียนหัว “GDP” ไทย สำนักไหนน่าเชื่อที่สุด?

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

เวียนหัว “GDP” ไทย สำนักไหนน่าเชื่อที่สุด?

Date Time: 29 ม.ค. 2567 05:52 น.

Summary

  • สภาพัฒน์เคยแถลงเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีกลายว่า อัตราการขยายตัว ของ GDP ในปี 2566 หรือปีกระต่ายที่ผ่านไปจะอยู่ที่ร้อยละ 2.5 และ สำหรับปี 2567 หรือปีมะโรงงูใหญ่ จะขยายตัวเพิ่มขึ้นระหว่างร้อยละ 2.7-3.7 หรือมีค่ากลางอยู่ที่ร้อยละ 3.2

Latest

ที่ยืนของ “ธุรกิจไทย” แคบลงทุกที ไทยขาดดุล “จีน” สูงขึ้นเรื่อยๆ นำเข้าสินค้า ผ่าน Shopee - Lazada

ในช่วงที่ผมหลบไปเที่ยวอินโดนีเซียเสียหลายวันนั้น ข่าวฮิตข่าวหนึ่งในบ้านเราก็คือข่าวตัวเลข GDP ของกระทรวงการคลังหลุด แต่แล้วก็มีการลบทิ้ง และต่อมาจึงมีการแถลงจากกระทรวงการคลังด้วยข้อมูลหรือตัวเลขเดียวกันกับที่หลุดออกมานั่นเอง

ถ้าตัวเลข GDP ที่กระทรวงการคลังแถลงครั้งนี้ใกล้เคียงกับตัวเลขที่สภาพัฒน์เคยคาดการณ์ไว้เมื่อก่อนสิ้นปี หรือสอดคล้องกับที่ธนาคารแห่งประเทศไทยคำนวณไว้ และเผยแพร่ในเว็บไซต์ของธนาคารเมื่อก่อนสิ้นปีเช่นกัน...ก็คงไม่เป็นข่าวอะไรมากนัก

แต่เนื่องจากตัวเลขที่กระทรวงการคลังแถลง และมีการนำไปปล่อยเป็นเอกสารหลุดนั้น แตกต่างไปจากของสำนักงานหลักอันได้แก่สภาพัฒน์กับแบงก์ชาติอย่างมีนัยสำคัญ...จึงเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมา

สภาพัฒน์เคยแถลงเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีกลายว่า อัตราการขยายตัว ของ GDP ในปี 2566 หรือปีกระต่ายที่ผ่านไปจะอยู่ที่ร้อยละ 2.5 และ สำหรับปี 2567 หรือปีมะโรงงูใหญ่ จะขยายตัวเพิ่มขึ้นระหว่างร้อยละ 2.7-3.7 หรือมีค่ากลางอยู่ที่ร้อยละ 3.2

สำหรับ ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้สรุปไว้ในเว็บไซต์ของธนาคารเมื่อ 29 พฤศจิกายนปีที่แล้ว คาดว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยปี 2567 จะอยู่ที่ร้อยละ 3.2 โดยไม่รวมถึงโครงการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ตหัวละ 10,000 บาท ซึ่งถ้ารวมไปด้วยจะประมาณร้อยละ 3.8

ในขณะที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลังได้ออกมาแถลงหลังมีข่าวเอกสารหลุดว่า การขยายตัวปี 2566 จะอยู่ที่ 1.8 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น และในปี 2567 จะเพิ่มร้อยละ 2.8 เท่านั้น

ต่ำกว่า 2 สำนักแรกอย่างมีนัยสำคัญ ในทั้ง 2 ปี จึงมีเสียงวิพากษ์ วิจารณ์ขึ้นดังกล่าวว่า เป็นตัวเลขที่มุ่งหวังจะเอาใจรัฐบาลหรือเปล่า?

การแถลงว่าเศรษฐกิจขยายตัวต่ำจะเท่ากับเป็นการสนับสนุนให้รัฐบาลเดินหน้าใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงินต่อไป

โดยส่วนตัวผมไม่เคยมองข้าราชการประจำของกระทรวงการคลังในแง่ร้าย และยังเชื่อมั่นในศักดิ์ศรีของความเป็นข้าราชการประจำของทุกๆท่าน ว่าจะไม่มีวันยอมรับใช้ฝ่ายการเมืองในลักษณะนี้อย่างเด็ดขาด

อาจเป็นไปได้...เพราะท่านนำมาแถลงทีหลัง จึงใช้ข้อมูลล่าสุดกว่า และพบว่าไตรมาสสุดท้ายอาจจะยังอ่อนแออยู่...ท่านและคณะจึงเชื่อว่าจะโตได้แค่ 1.8 เปอร์เซ็นต์ ต่ำกว่าของสภาพัฒน์และแบงก์ชาติที่คาดไว้ เมื่อปลายปี (สภาพัฒน์ 2.5% แบงก์ชาติ 3.2%)

หรือไม่ก็เป็นเพราะการกำหนดนิยามที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นไปได้ ในทางวิชาการ

แต่อย่างไรก็ดี การแถลงตัวเลขเดียวกันไปคนละทิศคนละทางเช่นนี้ ย่อมนำความสับสนมาสู่ผู้ใช้ตัวเลข โดยเฉพาะนักธุรกิจนักลงทุนต่างๆ

จึงควรจะมีการปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิด และถ้าเป็นไปได้ควรจะแถลงในเวลาที่ใกล้เคียงและตัวเลขก็ควรจะใกล้เคียงกันด้วย

แต่ถ้าจะให้ผมฟันธงว่าตัวเลข GDP ประเทศไทยที่ออกมามากมายหลายยี่ห้อ นอกจาก 3 สำนักนี้แล้วยังมีของธนาคารพาณิชย์เกือบทุกแห่ง และสถาบันทางวิชาการอีกหลายแห่ง เราควรจะเชื่อใคร?

ผมคิดว่าควรเชื่อสภาพัฒน์ครับ เพราะเป็นหน่วยงานหลักของชาติที่ทำหน้าที่บันทึกรายละเอียดของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เพื่อนำมาจัดทำบัญชีประชาชาติ (National Accounts) สำหรับประเทศไทยอย่างละเอียดยิบในทุกหมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

โดย กองบัญชีประชาชาติ ที่ก่อตั้งขึ้นพร้อมกับสภาพัฒน์กว่า 60 ปีมาแล้ว และทำหน้าที่จัดรวบรวมข้อมูลอันสำคัญยิ่งนี้ไว้เป็นหลักฐานหรือจารึกทางเศรษฐกิจของประเทศไทยมาโดยตลอด

สำนักอื่นๆมาประเมินหรือประมาณการปีต่อปีแล้วก็ผ่านไป แต่สภาพัฒน์ประเมินแล้วต้องกลับไปจัดทำบัญชีอย่างละเอียดให้ครบถ้วนตามหลัง เพื่อใช้อ้างอิงและค้นคว้าแบบปีต่อปีอย่างต่อเนื่อง

ไม่เชื่อสภาพัฒน์แล้วจะเชื่อใครล่ะครับ? และถ้าเชื่อสภาพัฒน์เรื่อง GDP ก็ขอให้เชื่อต่ออีกนิดว่าคงไม่ต้องกู้เงินมาแจกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น เพราะสภาพัฒน์เคยบอกว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวอยู่แล้ว และการกู้ก้อนนี้จะเพิ่มความเสี่ยงทางการคลัง เอาเงินไปลงทุน ปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจอย่างถาวรดีกว่า

ผมสรุปอย่างนี้ถูกไหมครับท่านเลขาธิการ.

“ซูม”

คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ