นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลังเปิดเผยถึงกรณีมีเอกสารลับหลุด ซึ่งประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2566 และปี 2567 ของกระทรวงการคลัง โดยระบุว่าอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของไทยปีที่ผ่านมาเติบโตเพียง 1.8% ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรว่า ขอให้มีการแถลงอย่างเป็นทางการก่อน ยังไม่ยืนยันข้อมูล แม้ว่าตนจะเป็น รมว.คลัง ก็ไม่เคยขอเอกสารอะไรมาดูก่อน ขณะที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ก็มีอิสระในการทำตัวเลขอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการพิจารณามาตรการอื่นเพื่อเข้ามากระตุ้นหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า พิจารณาอยู่ตลอดเวลา ไม่อยากสร้างวาทกรรมใหม่ว่า เศรษฐกิจวิกฤติหรือไม่ เพราะยืนยันตลอดเวลาว่าเศรษฐกิจไม่ดี เมื่อถามถึงกรณีที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศว่าเศรษฐกิจของไทยยังไม่มีวิกฤติ นายเศรษฐากล่าวว่า เป็นเรื่องของท่านที่พูดไป เป็นความเห็นต่างเป็นธรรมดาของสังคม
เมื่อถามว่าการที่เศรษฐกิจเติบโตตํ่า จึงมีความกังวลจากภาคเอกชนต้องการให้ลดดอกเบี้ย และอยากเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ นายเศรษฐากล่าวว่า เรื่องนี้ต้องถาม ธปท. รัฐบาลคิดเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่ตลอดเวลา มั่นใจว่าจะมีนโยบายอื่นที่คลอดออกมาด้วย ไม่ใช่แค่เรื่องดิจิทัลวอลเล็ต
เมื่อถามว่า การที่นโยบายการเงินการคลังไม่สอดประสานกัน อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน นายเศรษฐากล่าวว่า มีเห็นต่างบ้าง แต่ สศค.และ ธปท.มีการคุยกันตลอด ความเห็นต่างเป็นธรรมดาของการอยู่ร่วมกัน ส่วนจะให้เห็นด้วยกันได้หรือไม่ต้องพูดคุยกัน ทุกคนมีหน้าที่ ตนก็มีหน้าที่หามาตรการกระตุ้นการคลัง
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2566 ใหม่ คาดว่าขยายตัวได้ 1.8% (ช่วงคาดการณ์ที่ 1.6-2.0%) จากก่อนหน้านี้คาดว่าขยายตัว 2.7% และชะลอลงจากปี 2565 ที่เติบโต 2.6% ส่วนกรณีที่คาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจปีที่ผ่านมา ต่ำกว่าประมาณการเดิมที่วางไว้ ถูกกดดันจากการเมืองหรือไม่ นายพรชัยกล่าวว่า การประมาณการเศรษฐกิจได้มีการพิจารณาด้วยความรอบคอบ คาดว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเร่งขึ้นที่ 2.8% (ช่วงคาดการณ์ที่ 2.3-3.3%)
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่