นายธนากร คุปคะจิตต์ ที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย เปิดเผยถึงกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบปรับปรุงโครงสร้างภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงการปรับลดอัตราภาษีสถานบันเทิง เพื่อส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและใช้จ่ายยกระดับสุราพื้นบ้านนั้น มองว่ารัฐบาลให้ความสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ
ขณะเดียวกันรัฐบาลได้เลือกที่จะส่งเสริมธุรกิจกลางคืนโดยได้ปรับปรุงภาษีสถานบริการ เช่น ไนต์คลับ ดิสโก้เธค ผับ บาร์ จากภาษีอัตรา 10% ของรายรับ ลดเหลือ 5% มีกำหนดระยะเวลา 1 ปี ซึ่งตนเห็นด้วยเพราะปัจจุบันสถานบริการตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ.2509 เปิดให้บริการถึง 04.00 น. ใน 4 จังหวัดมีเพียงสัดส่วนแค่ 5% ของสถานบริการที่เปิดนับแสนๆร้าน ซึ่งในส่วนนี้ตนมองว่าจะช่วยให้สถานบริการมาเข้าในระบบมากขึ้น ซึ่งจะต้องเป็นสถานบริการอาหารและเครื่องดื่ม จะต้องให้มีการแสดงและปิดให้บริการหลังเที่ยงคืน เพียงแค่ขยายเวลาปิดมาเป็น 02.00 น. ก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องเปิดถึง 04.00 น. ด้วยซ้ำไป
นายธนากร กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม รัฐบาลควรจะส่งเสริมธุรกิจในช่วงกลางวันในโซนนิงท่องเที่ยวด้วย โดยเฉพาะเรื่องการทบทวนยกเลิกการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ช่วงเวลา 14.00 น. ถึง 17.00 น. เพื่อผ่อนคลายอุปสรรคของการดำเนินธุรกิจของกลุ่มอาหารเครื่องดื่มและธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้อง เช่น โรงแรม ร้านอาหาร ภัตตาคาร ร้านค้าปลีก เป็นต้น ก็ควรได้รับการพิจารณาไปด้วย
เพราะกฎหมายที่ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นต้องยอมรับว่าไม่สามารถบังคับใช้ได้จริงเพราะห้ามขายแต่ไม่ได้ห้ามการนำไปดื่มในร้านอาหารซึ่งลูกค้าสามารถนำเครื่องดื่มไปดื่มในร้านโดยสั่งอาหารและเครื่องดื่มผสม เช่น โซดา โดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หลายคนต้องการดื่มเพื่อการผ่อนคลาย ขณะเดียวกันการจัดโซนนิงห้ามขายเครื่องดื่มแอล กอฮอล์บริเวณสถานศึกษานั้นยังเห็นว่าการจัดการมีปัญหาเพราะห้ามขายแต่ไม่ได้ห้ามดื่มหรือถนนฝั่งนี้ห้ามขายอีกฝั่งขายได้รัฐบาลต้องทบทวนโซนนิงและบังคับใช้กฎหมายลงโทษผู้กระทำผิดขั้นสูงสุด
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการเห็นพ้องกับการควบคุมการขายให้กับบุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี อย่างเข้มข้นและจริงจัง หรือถอดใบอนุญาตหากกระทำผิดกฎหมาย เช่น การปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าไปสถานบริการ หรือขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับบุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี ป้องกันเรื่องยาเสพติดและอาวุธที่จะแอบลักลอบนำเข้ามาในสถานบริการ สร้างวิธีคิดความร่วมมือสนับสนุนการป้องกันเกิดอุบัติเหตุทางถนนของผู้มาใช้บริการโดยร่วมกับผู้ให้บริการแอปฯขนส่ง การให้ทดสอบเป่าปริมาณแอลกอฮอล์ก่อนออกจากร้าน เป็นต้น
“ผมในฐานะที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทยที่ผ่านมาได้พยายามผลักดันให้รัฐบาลพิจารณาทบทวนเพื่อใช้เป็นเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจและมองเหมือนรัฐว่าการส่งเสริมสุราพื้นบ้านเป็นซอฟต์พาวเวอร์นั้น ในด้านของการรับผิดชอบต่อสังคมจะร่วมกันรณรงค์และต้องมีความเข้มข้นต่อไป”.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่