ลด-เลิกภาษีไวน์-สุรา-ผับบาร์ ครม.นัดแรกปี 67 จุดพลุซอฟต์พาวเวอร์

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งแรกของปี เมื่อวันที่ 2 ม.ค.2567 ได้เห็นชอบปรับปรุงโครงสร้างภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงการปรับลดอัตราภาษีสถานบันเทิง เพื่อส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและใช้จ่ายยกระดับสุราพื้นบ้าน สร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตร โดยสำหรับการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตเริ่มจากสินค้าไวน์และสปาร์กลิ้งไวน์ที่ทำจากองุ่น ปัจจุบันจัดเก็บเป็น 2 อัตรา คือ ราคาไม่เกิน 1,000 บาทต่อลิตร และราคาเกิน 1,000 บาทต่อลิตร โดยราคาเกิน 1,000 บาท จัดเก็บตามมูลค่า 10% และจัดเก็บตามปริมาณแอลกอฮอล์ 1,500 บาทต่อลิตร ส่วนไวน์ราคาไม่เกิน 1,000 บาท จัดเก็บตามมูลค่า 0% และจัดเก็บตามปริมาณ 1,500 บาทต่อลิตร ปรับเป็นเหลืออัตราภาษีเท่ากัน 5% และปรับลดการจัดเก็บภาษีตามปริมาณแอลกอฮอล์จาก 1,500 บาทต่อลิตร เหลือ 1,000 บาทต่อลิตร

ขณะที่ภาษีฟรุ๊ตไวน์ หรือไวน์ผลไม้ที่มีส่วนผสมขององุ่นหรือไวน์องุ่นบางส่วน จากเดิมเก็บภาษี 2 อัตรา คือ ราคาเกิน 1,000 บาทต่อลิตร เก็บภาษีตามมูลค่า 10% และไวน์ราคาไม่เกิน 1,000 บาท เก็บอัตรา 0% ขณะที่ภาษีตามปริมาณแอลกอฮอล์ 900 บาทต่อลิตรนั้น โครงการสร้างภาษีใหม่ จัดเก็บภาษีตามมูลค่าเหลือ 0% และภาษีตามปริมาณแอลกอฮอล์ยังเท่าเดิม 900 บาทต่อลิตร โดยปีที่ผ่านมา รายได้ จากการจัดเก็บภาษีไวน์อยู่ที่ 2,500 ล้านบาท

ส่วนการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตสินค้า สุราพื้นบ้านตามนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ของรัฐบาลนั้น ได้แก่ สุราแช่พื้นบ้าน เช่น อุ กระแช่ สาโท ที่มีแรงแอลกอฮอล์ไม่เกิน 7 ดีกรี จากเดิมเก็บภาษีตามมูลค่า 10% ลดเหลือ 0% ขณะที่ภาษีปริมาณแอลกอฮอล์ เก็บเท่าเดิม 150 บาทต่อปริมาณหนึ่งลิตรแห่งแอลกอฮอล์ ส่วนสุราแช่ที่มีสุรากลั่นผสม เช่น โซจู ที่มีแรงแอลกอฮอล์ไม่เกิน 7 ดีกรี ให้เก็บภาษีตามมูลค่าที่ 10% เท่าเดิม แต่ขึ้นภาษีปริมาณจากเดิม 150 บาทต่อลิตร เป็น 255 บาทต่อลิตร รวมทั้งยังได้ปรับปรุงภาษีสถานบริการ เช่น ไนต์คลับ ดิสโกเธค ผับ บาร์ จากภาษีอัตรา 10% ของรายรับ ลดเหลือ 5% มีกำหนดระยะเวลา 1 ปี สิ้นสุดถึง 31 ธ.ค.67 “ครม.ยังได้เห็นชอบปรับปรุงโครงสร้างภาษีศุลกากร สำหรับนำเข้าสินค้าไวน์ โดยยกเว้นอากรขาเข้าสินค้าไวน์ในประเภทพิกัด 22.04 และ 22.05 รวม 21 รายการจากเดิม 54-60% ให้เหลือ 0% ทั้งหมด เพื่อต้องการขยายฐานการบริโภคและลดการลักลอบ ซึ่งจะทำให้กรมศุลฯมีรายได้ลดลง 451 ล้านบาท แต่จะช่วยให้ไทยมีโอกาสเป็นศูนย์กลางไวน์ได้ในอนาคต ที่สำคัญขณะนี้ไทยกำลังมีการเจรจาเอฟทีเอกับสหภาพยุโรป ซึ่งจะต้องมีการลดภาษีเหลือ 0% อยู่แล้วในอนาคต”

โดยการปรับปรุงโครงสร้างภาษีครั้งนี้ จะเร่งให้มีผลบังคับใช้ในเดือน ม.ค.67 ซึ่งจะเป็นมาตรการถาวรที่ใช้ไปอย่างต่อเนื่อง ยกเว้นการลดภาษีสถานบันเทิงที่จะทำเพียงชั่วคราวถึงสิ้นปีนี้ เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย ซึ่งจะทำให้การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตและภาษีศุลกากรเพิ่มขึ้นสุทธิ 401 ล้านบาทต่อปี จีดีพีขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.0073% เทียบกับกรณีไม่มีมาตรการ ขณะที่การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้น 2,900 ล้านบาท และยังจะสามารถจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีเงินได้นิติบุคคลได้เพิ่ม จากการเพิ่มขึ้นของการจับจ่ายใช้สอยและการเพิ่มขึ้นของรายได้ของผู้ประกอบธุรกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม

นายลวรณ กล่าวต่อถึงการยกเลิกร้านดิวตี้ฟรีขาเข้าซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการดังกล่าวว่าขณะนี้กระทรวงการคลังยังอยู่ระหว่างเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้รับใบอนุญาต อาทิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. และผู้รับใบอนุญาตคือคิงเพาเวอร์ และบางกอกแอร์เวย์ส คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้.

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่