ก็ต้องขอบคุณ คุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคลัง คุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และรัฐมนตรีพลังงาน ที่ใจถึงพึ่งได้ทั้งสองคน เสนอ ครม.ให้ ตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ต่อไปอีก 3 เดือน ตรึงราคาก๊าซหุงต้มที่ 423 บาท ต่อถังขนาด 15 ลิตร ต่อไปอีก 3 เดือน ตรึงค่าไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟ ไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน 17 ล้านครัวเรือน ออกไปอีก 4 เดือน เพื่อลดค่าใช้จ่ายของประชาชน และ ลดค่าไฟฟ้า งวดเดือนมกราคม– เมษายน 2567 ให้อยู่ในราคาไม่เกินหน่วยละ 4.20 บาท ซึ่งคณะกรรมการ กำกับกิจการพลังงานจะขึ้นเป็น 4.68 บาทต่อหน่วย จากราคาปัจจุบัน 3.99 บาทต่อหน่วย เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน
ในนามของประชาชนก็ขอขอบคุณ นายกฯ เศรษฐา และ รองนายกฯ พีระพันธ์ุ ไว้ตรงนี้
ช่วง 4 เดือน ที่รัฐบาลลดค่าไฟฟ้า ตรึงราคาน้ำมันดีเซล ตรึงราคา ก๊าซหุงต้ม เพื่อลดค่าครองชีพของประชาชน เมื่อคิดดีทำดีแล้ว รัฐบาลก็ควรจะทำดีให้ครบวงจร คือ ให้ นายกฯเศรษฐา สั่งการ คุณภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรัฐมนตรีพาณิชย์ สั่งให้ผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ ลดราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพของประชาชนลงด้วย เพราะ ต้นทุนการผลิตลดลงต่อเนื่องมาหลายเดือนแล้ว จากการลดค่าไฟและตรึงราคาน้ำมันดีเซล แต่ราคาสินค้ากลับไม่ได้ลดลงเลย ยังขายกัน ในราคาเดิม ทำกำไรกันบานเบิก แม้กระทั่ง “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” ที่ถือเป็นอาหารสิ้นคิด คิดอะไรไม่ออกก็กินมาม่า ปีนี้ก็ยัง กำไรมากจนต้องประกาศแจกโบนัสล่วงหน้ากันหลายเดือน
ผมก็หวังว่า คุณภูมิธรรม รองนายกฯ และรัฐมนตรีพาณิชย์ จะมีความรับผิดชอบเหมือน คุณพีระพันธุ์ รองนายกฯ และรัฐมนตรีพลังงาน เมื่อราคาพลังงานที่เป็นต้นทุนการผลิตลดลงราคาสินค้าก็ควรจะลดลงด้วย เพื่อความเป็นธรรมในสังคมส่วนรวม
คุณพีระพันธุ์ เปิดเผยหลังการประชุม ครม. ว่า มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้า ที่ประชุม ครม. ได้มีมติให้ “ปรับโครงสร้างราคา ก๊าซธรรมชาติ” ตามข้อเสนอของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติด้วย นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ รับภาระเงินคงค้างสะสมสำหรับงวดเดือนมกราคม–เมษายน 2567 แทนประชาชนผู้ใช้ไฟไปพลางก่อน ส่วน บริษัท ปตท. ก็ให้ทบทวนสมมติฐานปริมาณและราคาก๊าซธรรมชาติที่ใช้ในการคำนวณอัตราค่าไฟฟ้า ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และให้นำส่วนลดค่าก๊าซธรรมชาติ จำนวน 4,300 ล้านบาท จากการขาดส่งก๊าซในอ่าวไทยของผู้ผลิตในช่วงปี 2564 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2565 มาช่วยลดค่าก๊าซในรอบนี้ด้วย
จากมาตรการนี้ ทำให้ค่าไฟงวดเดือนมกราคม–เมษายน 2567 มีราคาไม่เกินหน่วยละ 4.20 บาท ส่วนผู้ใช้ไฟไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน 17 ล้านครัวเรือน จะได้รับส่วนลดเพิ่มหน่วยละ 21 สตางค์ โดยจ่าย ค่าไฟในอัตราเดิม 3.99 บาทต่อหน่วย
ไหนๆก็ไหนๆ เมื่อ กระทรวงพลังงาน ตัดสินใจ ปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ ไปแล้ว ก็ควรเดินหน้า ปรับโครงสร้างราคาไฟฟ้า ด้วย โดยเฉพาะค่า Ft เพื่อสร้างความเป็นธรรมและความยั่งยืนของระบบไฟฟ้าในเมืองไทย ปัจจุบันค่าไฟของผู้ผลิตยังมีความลักลั่นหลายราคา จนเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบของผู้ผลิตไฟฟ้าด้วยกันเอง แต่คนที่ต้องรับภาระจ่ายรวมก็คือประชาชน ถ้ามีการปรับโครงสร้างราคาค่าไฟให้เกิดความสมดุล และเปิดโอกาสให้ประชาชนที่ติดตั้งแผง โซลาร์ผลิตไฟฟ้าใช้เองขายเข้าระบบได้ ผมเชื่อว่าค่าไฟฟ้าในอนาคต จะถูกลงกว่านี้แน่นอน ไม่ใช่แพงขึ้นทุกวันอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน.
“ลม เปลี่ยนทิศ”