พ้อ! ทำเอกชนฉลองปีใหม่ไม่ชื่นมื่น กกร.รวมตัวร้องตรึงค่าไฟ 3.99 บาทต่อหน่วย

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 6 ธ.ค. นี้ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ซึ่งประกอบด้วย ส.อ.ท., สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทย จะประชุมเร่งด่วนเพื่อหารือเกี่ยวกับผลกระทบจากกรณีที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้ประกาศปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) ขายปลีก สำหรับการเรียกเก็บงวดเดือน ม.ค.-เม.ย.2567 เท่ากับ 89.55 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 69.07 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.78 บาทต่อหน่วย จึงทำให้ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บของผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภทเฉลี่ยรวมอยู่ที่ 4.68 บาทต่อหน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เพิ่มขึ้นจากงวดปัจจุบัน ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นการปรับขึ้นราคาสูงถึง 17% จากราคาปัจจุบัน และนับเป็นเรื่องที่จะกระทบต่อทุกภาคส่วนต้อนรับปี 2567 เมื่อเทียบกับค่าไฟฟ้างวดปัจจุบันที่ 3.99 บาทต่อหน่วย

“นับเป็นเรื่องที่ช็อกความรู้สึกของเอกชนรับเทศกาลปีใหม่ และจะสร้างความวิตกกังวลให้กับภาคเอกชน สวนทางกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการลดค่าครองชีพประชาชน ทั้งที่ในช่วงที่ผ่านมา กกร.ก็ได้เสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาค่าไฟฟ้าที่ต้นเหตุมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะขอให้เร่งรัดจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน หรือ กรอ.ด้านพลังงานมาดูแลทั้งโครงสร้างของระบบพลังงาน”

นายเกรียงไกรกล่าวต่อว่า กรณีการปรับขึ้นค่าไฟฟ้างวดเดือน ม.ค.-เม.ย.2567 จึงควรพิจารณาให้รอบคอบอีกครั้งหนึ่ง และเห็นว่ารัฐบาลควรจะตรึงที่ 3.99 บาทต่อหน่วยนี้ไปก่อนเพื่อรอการปรับโครงสร้างทั้งระบบ เพราะหากเร่งดำเนินการก็จะสามารถได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา สมาชิกเฉพาะของ ส.อ.ท.ที่มีอยู่ 45 กลุ่มอุตสาหกรรม ก็เผชิญกับภาวะเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศที่ยังเปราะบางสูงแล้ว ขณะที่การขึ้นค่าไฟฟ้าจะเป็นการซ้ำเติมต้นทุนการผลิต ที่อาจนำไปสู่การปรับขึ้นราคาสินค้า และยังส่งผลกับภาคการลงทุนของประเทศ เพราะทำให้นักลงทุนต่างชาติต่างสอบถามเข้ามาว่า เหตุใดประเทศไทยจึงมีค่าไฟฟ้าที่สูงอย่างมากเมื่อเทียบกับประเทศที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งทำให้มีผลต่อการตัดสินใจเข้ามาลงทุน ซึ่งจะบั่นทอนต่อขีดความสามารถของประเทศในระยะยาว.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่