นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ ส.อ.ท.โพล (FTI Poll) หัวข้อ “เรื่องใดที่ภาคอุตสาหกรรมอยากเห็นในแผนการใช้งบประมาณปี 2567” พบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท.มีความกังวลต่อผลกระทบของการจัดทำงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2567 ที่ล่าช้าและอาจส่งผลกระทบต่อการนำงบประมาณ ไปดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งที่ผ่านมาภาวะเศรษฐกิจไทยเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวแล้ว และภาวะเศรษฐกิจยังไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งมีข้อจำกัดในเรื่องระยะเวลาและเงื่อนไขต่างๆ อาจทำให้การจัดสรรงบไม่สามารถตอบโจทย์ในการลงทุนสร้างเศรษฐกิจในระยะยาวได้
“ผลสำรวจยังพบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท.ส่วนใหญ่ ต้องการให้รัฐบาลให้ความสำคัญและจัดสรรงบใช้จ่ายที่เน้นการพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะยาว อาทิ การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรมแบบมุ่งเป้าทั้งในภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม การลงทุนด้านการจัดการน้ำทั้งระบบเพื่อแก้ไขปัญหาทั้งน้ำแล้งและอุทกภัยในระยะยาว ที่เป็นรากฐานที่สำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต”
เมื่อถามถึงสิ่งที่ภาครัฐควรปรับการจัดทำงบประมาณและการใช้จ่ายงบในระยะยาว พบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. แนะนำให้รัฐบาลให้ความสำคัญ กับการวางแผนงบประมาณ เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนระหว่างหน่วยงาน มีการพัฒนาและนำระบบดิจิทัลมาใช้ในการติดตามวัดผลประสิทธิภาพของการใช้จ่ายงบควบคู่กับการเปิดเผยข้อมูลให้มากขึ้น รวมถึงเร่งพัฒนากลไกการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐ เช่น ปรับโครงสร้างภาษี, สร้างแรงจูงใจให้ภาคธุรกิจเข้ามาในระบบภาษี (E-Tax Invoice, E-Withholding TAX) เป็นต้น
ขณะที่จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท.243 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 46 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด มีสรุปผลการสำรวจระบุว่า
1.ภาคอุตสาหกรรมมีความกังวลต่อการจัดทำงบประมาณ รายจ่ายประจำปี 2567 ที่ล่าช้าในเรื่องใดมากที่สุด อันดับที่ 1 ระบุว่า ความล่าช้าในการนำงบประมาณมาดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อันดับที่ 2 การจัดสรรงบประมาณไม่ได้ตอบโจทย์ในการลงทุนสร้างเศรษฐกิจในระยะยาว อันดับที่ 3 การใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐจะไปเร่งและกระจุกตัวอยู่ในช่วงไตรมาส 3-4 อันดับที่ 4 กังวลว่าโครงการลงทุนใหม่ๆของภาครัฐ ต้องหยุดชะงักหรือชะลอออกไป
2.รัฐบาลควรจัดสรรงบใช้จ่ายในเรื่องใด มากที่สุด เพื่อให้ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรม อันดับที่ 1 ระบุว่า ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรม แบบมุ่งเป้า อันดับที่ 2 ลงทุนด้านการจัดการน้ำทั้งระบบเพื่อแก้ไขปัญหาทั้งน้ำแล้งและอุทกภัยในระยะยาว อันดับที่ 3 ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มกำลังซื้อให้ผู้บริโภค อันดับที่ 4 พัฒนาระบบการศึกษาและบุคลากรรับรองความต้องการในอนาคต
3.ภาครัฐควรจัดสรรงบเพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างไร อันดับที่ 1 ระบุว่า มาตรการเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้กับเอสเอ็มอี เช่น สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เป็นต้น อันดับที่ 2 จัดตั้งกองทุนเพิ่มผลิตภาพการผลิตสำหรับ SME ในการใช้ระบบ อันดับที่ 3 ส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐในการซื้อสินค้าจากเอสเอ็มอีให้เพิ่มขึ้น จาก 41% เป็น 50% ของงบประมาณจัดซื้อจัดจ้างในแต่ละปี
4.ภาครัฐควรปรับการทำงบประมาณและการใช้จ่ายงบในระยะยาวเรื่องใด อันดับที่ 1 บูรณาการวางแผนงบประมาณเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนระหว่างหน่วยงาน อันดับที่ 2 นำระบบดิจิทัลมาใช้ในการติดตามวัดผลประสิทธิภาพ อันดับที่ 3 พัฒนากลไกการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐ เช่น ปรับโครงสร้างภาษี อันดับที่ 4 วางแผนในการลดความเสี่ยงจากภาระผูกพันงบประมาณ.