ประกาศขึ้นราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงาน กก.ละ 4 บาท มีผล 28 ต.ค.จับตาราคาสินค้าเกี่ยวข้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ได้ออกประกาศเรื่อง ราคาน้ำตาลทรายภายในราชอาณาจักร เพื่อใช้ประกอบในการคำนวณราคาอ้อยและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย ประจำฤดูการผลิตปี 2566/2567 ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยได้กำหนดราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานใหม่ ดังนี้

1. น้ำตาลทรายขาว กิโลกรัมละ 23 บาท จากเดิม กก.ละ 19 บาท
2. น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ กิโลกรัมละ 24 บาท จากเดิม กก.ละ 20 บาท

โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค.นี้เป็นต้นไป

ทั้งนี้ การประกาศราคาดังกล่าว เท่ากับราคาหน้าโรงงานได้ปรับขึ้น กก.ละ 4 บาท ซึ่งจะมีผลทำให้ ราคาขายปลีกปรับขึ้นเช่นกัน

โดยราคาขายปลีกน้ำตาลทรายขาว จะอยู่ที่ กก.ละ 28 บาทจากเดิม กก.ละ 24 บาท และน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ จะอยู่ที่ กก.ละ 29 บาท จากเดิม 25 บาท แต่ตามร้านโชห่วย หรือตลาดสดอาจแพงกว่านี้ขึ้นอยู่กับช่วงการขายที่รับมาหลายทอด และความห่างไกลของพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกลจะราคาแพง 

สำหรับรายได้จากการปรับขึ้นราคา กก.ละ 4 บาทครั้งนี้ จะนำไปคำนวณราคาอ้อยขั้นต้น และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่าย ปี 2566/67 ที่มีการประเมินปริมาณอ้อยบริโภคภายในประเทศอยู่ที่ 25 ล้านกระสอบ และจะนำรายได้ดังกล่าวนำเข้าสู่กองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย (กท.) เพื่อใช้ในการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม กก.ละ 2 บาท เช่น การสนับสนุนตัดอ้อยสดทดแทนการเผา ที่ทำให้เกิดมลพิษ และฝุ่น PM2.5 

อย่างไรก็ตาม หากไม่ปรับขึ้นราคาจะทำให้ชาวไร่อ้อยเสียประโยชน์จากราคาหน้าโรงงานเดิมที่ต่ำ เพราะเมื่อนำราคาหน้าโรงงานที่ต่ำ มาคำนวณราคาอ้อย ก็จะทำให้ได้ราคาอ้อยที่ต่ำตามไปด้วย

ขณะที่ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นมาก แต่กลุ่มโรงงานน้ำตาลทรายกลับได้ประโยชน์เต็ม ๆ เพราะสามารถขึ้นราคาขายได้ เนื่องจากขณะนี้น้ำตาลทรายไม่ใช่สินค้าควบคุม ที่จะต้องขออนุญาตก่อนปรับราคา

นอกจากนี้ หากไม่รีบปรับราคา อาจทำให้โรงงานแห่ส่งออกกันหมด เพราะราคาตลาดโลกสูงกว่าไทย ล่าสุดอยู่ที่ กก.ละ 26.50-27 บาท ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะขาดแคลนในประเทศได้ 

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า การปรับขึ้นราคาครั้งนี้ ย่อมส่งผลให้สินค้าต่าง ๆ ที่ใช้น้ำตาลทรายเป็นส่วนประกอบ อาจปรับขึ้นราคาบ้าง ทั้งเครื่องดื่มชนิดต่าง ๆ อย่างน้ำอัดลม นมและผลิตภัณฑ์ ขนมหวาน เบเกอรี่  และจะสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างหนัก สวนทางกับนโยบายของรัฐบาลที่พยายามลดรายจ่าย ลดค่าครองชีพให้ประชาชนในทุกด้าน อีกทั้งการนำเงินเข้ากองทุน เพื่อแก้ปัญหาการเผาอ้อย ถือว่า ไม่เป็นธรรมกับประชาชน ที่จะต้องแบกรับภาระในส่วนนี้ 

ติดตามข่าวสารอัปเดต เศรษฐกิจ เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจในประเทศ บทวิเคราะห์เศรษฐกิจ ล่าสุด ได้ที่นี่

ข่าวเศรษฐกิจ : https://www.thairath.co.th/money/economics 

เศรษฐกิจนในประเทศ : https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ

เศรษฐกิจโลก : https://www.thairath.co.th/money/economics/world_econ