ร้านค้าเตรียมพร้อมลงทะเบียน รัฐเปิดให้ร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต พ.ย.นี้

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

ร้านค้าเตรียมพร้อมลงทะเบียน รัฐเปิดให้ร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต พ.ย.นี้

Date Time: 11 ต.ค. 2566 06:50 น.

Summary

  • “จุลพันธ์” ยืนยันรับฟังข้อเสนอนักวิชาการ แต่ไม่ถอย “ดิจิทัล วอลเล็ต” ย้ำใส่ครั้งเดียว 10,000 บาท ไม่แบ่งจ่ายเป็นงวด คาดเดือน พ.ย.นี้ เปิดให้ร้านค้า ลงทะเบียนร่วมโครงการ ด้านที่ประชุม ครม. ยังไม่ผ่านงบ กสศ.ช่วยเด็กไม่ให้หลุดจากระบบการศึกษา หวั่นซ้ำกับกระทรวงศึกษาฯให้ไปทบทวนอีกรอบ

Latest

ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ย้ำชัด ไทยไม่ลด "ดอกเบี้ย" ตามเฟด ชี้ "บาทแข็งค่า" ไม่ทุบทิศทางส่งออกไทย

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัล วอลเล็ต (Digital Wallet) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่าในช่วงเดือน พ.ย.นี้ จะเริ่มเปิดลงทะเบียนร้านค้าที่ต้องการเข้าร่วมโครงการได้ ส่วนประชาชนคาดว่าจะสามารถเข้าร่วมโครงการได้หลังจากนั้น โดยยืนยันว่าจะใช้ได้ทันเดือน ก.พ.67 อย่างแน่นอน โดยจากโครงการรัฐที่ผ่านมา มีประชาชนยืนยันตัวตนมาแล้วอยู่ในระบบฐานข้อมูลของรัฐประมาณ 40 ล้านคน แต่ยังมีผู้ที่ยังไม่อยู่ในฐานข้อมูลอีกประมาณ 10 ล้านคน

“รัฐบาลยืนยันจะเติมเงินดิจิทัลให้ทุกคนที่มีสิทธิครั้งเดียว 10,000 บาท โดยไม่มีการแบ่งจ่ายเงินเป็นงวดๆแน่นอน แม้ที่ผ่านมาจะมีข้อเสนอให้เปลี่ยนเงื่อนไขแบ่งเป็นงวด เพราะเห็นว่าจะเกิดประโยชน์มากกว่า แต่เมื่อวิเคราะห์กันแล้ว ต้องเข้าใจว่าวัตถุประสงค์ของโครงการคือกระตุ้นเศรษฐกิจ หากทยอยจ่ายเดือนละ 1,000 บาท เป็นระยะเวลา 10 เดือน ก็ไม่ต่างอะไรกับนโยบายที่เคยทำมาในอดีต ซึ่งไม่เกิดกลไกในการกระชากเศรษฐกิจขึ้นเลย”

ส่วนกรณีความคิดเห็นของนักวิชาการและคณาจารย์เศรษฐศาสตร์ ที่ได้ร่วมกันลงชื่อขอให้รัฐบาลทบทวนนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ด้วยความรอบคอบอีกสักครั้ง เพราะเป็นนโยบายที่ได้ไม่คุ้มเสียนั้น นายจุลพันธ์ระบุว่า คณะอนุกรรมการได้คุยเรื่องนี้ในที่ประชุม แต่ก็ยืนยันว่า นโยบายนี้มีตัวคูณทางเศรษฐกิจมากกว่าโครงการอื่นที่ทำมาแน่นอน เพราะมีการกำหนดวิธีการ เงื่อนไข และการบังคับให้เงินเพื่อบริโภคอุปโภคและลงทุนด้วย ส่วนการปรับเงื่อนไขระยะทางการใช้เงินระยะ 4 กิโลเมตรนั้น รมช.คลัง ยอมรับว่ารัฐบาลรับฟังทุกข้อคิดเห็น และมีแนวโน้มที่จะขยายระยะทางเป็นตำบล อำเภอ หรือจังหวัด ซึ่งคณะอนุกรรมการจะหาข้อสรุปในสิ้นเดือน ต.ค.นี้

อย่างไรก็ตาม วงเงินในโครงการนี้จะใช้เงินจากงบประมาณเป็นหลัก เนื่องจากขณะนี้มีตัวเลือกให้กับรัฐบาลหลายทางเลือก แต่จะใช้ทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะขณะนี้เป็นช่วงการจัดทำ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 อยู่ระหว่างการทำเรื่องเสนอของบประมาณไปยังสำนักงบประมาณ ดังนั้น โครงการใดที่ไม่จำเป็นหรือเป็นไขมันส่วนเกินที่สามารถปรับลดได้หรือตัดได้ โดยนำงบประมาณที่เหลือมาใช้ในการพัฒนาลงทุนในโครงการต่างๆที่มีความจำเป็นและเกี่ยวเนื่องกับนโยบายของรัฐ ซึ่งสำนักงบประมาณก็จะไปดูในรายละเอียดว่ามีโครงการใดบ้างที่ไม่จำเป็น

ด้านนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ยืนยันเดินหน้านโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มโอกาสให้กับภาคประชาชนและครัวเรือน โดยคณะอนุกรรมการ ขับเคลื่อนนโยบายเงินดิจิทัล จะนำข้อเสนอแนะต่างๆ มาพิจารณาการประชุมในวันที่ 12 ต.ค.นี้ จากนั้นจะนำผลสรุปเสนอต่อคณะกรรมการชุดใหญ่ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในวันที่ 24 ต.ค.66

นายชัยกล่าวต่อถึงการพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (10ต.ค.) ว่า กองทุนเพื่อความเสนอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ได้เสนอของบประมาณปี 2567 ทั้งสิ้น 9 แผนงาน วงเงิน 7,094.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงบประมาณปี 2566 จำนวน 1,021 ล้านบาท โดยการขอมาในครั้งนี้เป็นการขอมาหลังจากให้มีการทบทวนครั้งหนึ่งแล้ว ซึ่งที่ประชุม ครม.มีการถกเถียงและแสดงความคิดเห็น และมีมติให้ลับไปทบทวนข้อเสนอการของบประมาณใหม่ เนื่องจากมองว่าภารกิจอาจซ้ำซ้อนกับกระทรวงศึกษาธิการ

โดย 2 แผนงานที่ ครม.ตั้งข้อสังเกตให้มีการกลับไปทบทวนได้แก่ แผนงานที่ 2 การสร้างความเสมอภาคให้แก่การศึกษาให้แก่เด็กปฐมวัยและการศึกษาภาคบังคับ 4,448.96 ล้านบาท และแผนงานที่ 6 การสนับสนุนการศึกษาสูงกว่า ภาคบังคับ เช่น การสนับสนุนเยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์เพื่อสนับสนุนการศึกษาต่อเนื่อง วงเงิน 1,025 ล้านบาท โดยมองว่ากระทรวงศึกษาได้งบฯไปหลายแสนล้านบาทแล้ว ที่ประชุมจึงให้เอาข้อสังเกตจาก ครม.ว่างบที่ขอมาซ้ำซ้อนกับงบประมาณกระทรวงศึกษาหรือไม่ โดยให้นำข้อเสนอกลับไปแล้วนำกลับมาเสนอ ครม.อีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือน ก.ย.2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ได้หารือ แลกเปลี่ยน ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) โดยได้รับทราบข้อเสนอ และยืนยันว่า รัฐบาลจะสนับสนุน กสศ.อย่างเต็มที่ โดยที่ผ่านมา กสศ.พยายามป้องกันไม่ให้เด็กเยาวชนผู้ด้อยโอกาสหลุดจากระบบการศึกษา สนับสนุนให้เยาวชนกลุ่มนี้ได้รับการศึกษาสูงที่สุดเท่าที่จะทำได้


อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ