ครม.อนุมัติพักหนี้เกษตรกร 3 ปี "คลัง" ขออีกสัปดาห์คัดกรรมการ "ดิจิทัล วอลเล็ต"

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

ครม.อนุมัติพักหนี้เกษตรกร 3 ปี "คลัง" ขออีกสัปดาห์คัดกรรมการ "ดิจิทัล วอลเล็ต"

Date Time: 27 ก.ย. 2566 08:22 น.

Summary

  • ครม.ไฟเขียวพักหนี้เกษตรกร 3 ปี ดีเดย์เปิดรับสมัครพักหนี้ 1 ต.ค.66 ตั้งงบ 12,000 ล้านบาทปีแรกจ่ายดอกเบี้ย จำกัดลูกหนี้ที่มีหนี้ไม่เกิน 300,000 บาท พักหนี้แล้วยังกู้เพิ่มได้ ส่วนดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ยังรอตั้งกรรมการ ด้านสำนักงบ ชี้คลังขอเพิ่มวงเงินใช้หนี้รายปี ตาม ม.28 รองรับรัฐใช้เงินเพิ่ม

Latest

ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ย้ำชัด ไทยไม่ลด "ดอกเบี้ย" ตามเฟด ชี้ "บาทแข็งค่า" ไม่ทุบทิศทางส่งออกไทย

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการพักชำระหนี้ให้กับลูกหนี้เกษตรกรรายย่อยเป็นเวลา 3 ปี โดยจะใช้เงินงบประมาณ 12,000 ล้านบาทในปีแรกก่อน มีเกษตรกรที่เป็นลูกหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มีสิทธิเข้าร่วมมาตรการ 2.70 ล้านราย มูลหนี้ 300,000 ล้านบาท แต่ลูกหนี้ที่ต้องการเข้าร่วมมาตรการต้องแจ้งความประสงค์เอง เพราะเป็นมาตรการแบบสมัครใจ ผ่านสาขาธนาคาร หรือเช็กสิทธิผ่านแอปพลิเคชัน BAAC Mobile ได้ เริ่มสมัครได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.66 -30 ม.ค.67 เมื่อตรวจสอบสภาพการเงินแล้ว พบว่ามีสิทธิพักหนี้ ธ.ก.ส.จะติดต่อเพื่อเซ็นสัญญาใหม่เป็นรายปี

การพักหนี้ปีแรกนี้จะใช้เงินราว 12,000 ล้านบาท เพื่อจ่ายดอกเบี้ยแทนเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการพร้อมทั้งฝึกอบรม ฟื้นฟูอาชีพให้เกษตรกร รวมถึงการเพิ่มเงินกู้ให้เกษตรกรวงเงินไม่เกิน 100,000 บาท เพื่อให้มีเงินทุนไปลงทุนต่อยอดซื้อปัจจัยการผลิต ป้องกันการไปกู้เงินนอกระบบ โดยกรณีการกู้เงินเพิ่มนั้น ธ.ก.ส.จะตรวจสอบศักยภาพของลูกหนี้ก่อนว่ามีศักยภาพที่จะชำระหนี้เงินกู้เพิ่มหรือไม่ หลังจากหยุดพักหนี้และพักดอกเบี้ยเดิมไปแล้ว ส่วนลูกหนี้ที่มีสถานะเป็นหนี้เสีย หรือ NPLs จะเข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ได้ เมื่อปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ของ ธ.ก.ส.เสร็จสิ้นแล้ว เบื้องต้นต้องชำระหนี้เดิมให้ได้ภายใน 3 เดือน จึงจะสามารถเข้าร่วมมาตรการพักหนี้ได้

“รัฐบาลเชื่อว่ามาตรการพักหนี้ครั้งนี้จะช่วยให้เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นำไปสู่การเพิ่มกำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจฐานราก เพื่อสร้างความมั่นคงของเกษตรกรและเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืนต่อไป ส่วนพักหนี้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) จะเป็นครั้งถัดไป เนื่องจากอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล”

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า จากลูกค้าที่อยู่ในเกณฑ์เข้าร่วมมาตรการพักหนี้ของ ธ.ก.ส. 2.7 ล้านราย มีการกำหนดเกณฑ์ลูกค้าที่เข้าร่วมต้องมีมูลหนี้ไม่เกิน 300,000 บาท ทำให้คาดว่าจะมีลูกค้าเข้าร่วมมาตรการได้จริงกว่า 70% ของลูกหนี้ดังกล่าว และในจำนวนนี้ เป็นลูกหนี้สถานะ NPLs จำนวน 600,000 ราย มูลหนี้ 36,000 ล้านบาท โดยคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะทำให้สถานะลูกค้า NPL กลับมาปกติ และฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

ขณะที่นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการ รมว.คลัง กล่าวว่า การดำเนินมาตรการพักหนี้เกษตรกรครั้งนี้ มีความแตกต่างจาก 13 ครั้งที่ผ่านมา โดยมีจุดเด่น 5 ประการ ได้แก่ 1.คงหนี้ชั้นเดิมไว้ 2.หากมีการชำระหนี้จะมีการเปลี่ยนลำดับการชำระหนี้ มาตัดเงินต้นก่อน 3.ให้สินเชื่อเพิ่มเติม 4.เพิ่มมาตรการเกี่ยวกับการดูแลเพิ่มความสามารถเกษตรกร และ 5. ลูกหนี้ NPL ตั้งใจให้หนี้ NPL ลดลง ด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ และจ่ายเงินต้น

ส่วนความคืบหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทต่อคนนั้น นายจุลพันธ์กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปรายชื่อการตั้งคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ต เนื่องจากต้องพิจารณาให้รอบด้านเพื่อความรอบคอบ เพราะโครงการดิจิทัล วอลเล็ตใช้เงินมากกว่า 560,000 ล้านบาท ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ โดยสัปดาห์หน้าจะเสนอรายชื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา โดยจะมีนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เป็นประธาน ส่วนการใช้เงินตามมาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 เป็นส่วนหนึ่งที่ต้องพิจารณา ซึ่งฟันธงยังไม่ได้ แต่รัฐบาลยึดกรอบวินัยการเงินอย่างเคร่งครัด โดยยังคงเป้าหมายการแจกเงินไว้ที่ 1 ก.พ.2567 หรือภายในไตรมาส 1 ปีหน้า

ด้านนายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า สำนักงบประมาณได้หารือกับกระทรวงการคลังว่าในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่หน่วยงานต่างๆอยู่ระหว่างจัดทำคำขอส่งมายังสำนักงบประมาณในวันที่ 6 ต.ค.นี้ ซึ่งคลังจะจัดสรรงบประมาณเพื่อจ่ายหนี้คืนตามมาตรา 28 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 เพิ่มขึ้น เนื่องจากรัฐบาลมีภารกิจมากขึ้น และมีรายจ่ายที่ต้องใช้มากขึ้น จึงต้องมีการตั้งงบประมาณไปจ่ายเพิ่มเติม และหากมีการเพิ่มเพดานมาตรา 28 ก็ต้องเพิ่มการใช้หนี้ ตามกำลังที่รัฐบาลจะสามารถจ่ายได้ด้วย โดยจากเดิมตั้งงบประมาณในส่วนนี้ไว้ 80,000 ล้านบาท จะเพิ่มขึ้นให้ไม่น้อยกว่า 100,000 ล้านบาท โดยวงเงินที่จะมาจ่ายหนี้เพิ่มขึ้นมาจากกรอบวงเงินงบประมาณที่เพิ่มขึ้นในปีงบ 67 ประมาณ 130,000 ล้านบาท.

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ