ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอมาตรการเสริมคู่ขนานมาตรการพักหนี้เกษตรกร เพื่อจูงใจให้เกษตรกรที่ไม่เข้าโครงการพักการชำระหนี้ ได้รับสิทธิประโยชน์จากการไม่เข้ารับการพักหนี้ เช่น การลดดอกเบี้ย หรือสิทธิการรับโชค รับดอกเบี้ยคืน เพื่อเป็นการจูงให้คนมีวินัยในการชำระหนี้ ควบคู่ไปกับการลดภาระจำนวนคนที่จะเข้าสู่โครงการพักการชำระหนี้
สำหรับการมีมาตรการจูงใจสำหรับเกษตรกรที่ไม่มีความจำเป็นต้องเข้าโครงการพักการชำระหนี้ ถือเป็นการสร้างวินัยทางการเงินให้แก่เกษตรกร ซึ่งนโยบายเช่นนี้เคยดำเนินการมาแล้วในสมัยรัฐบาลทักษิณ โดยโครงการพักการชำระหนี้และลดภาระหนี้ให้แก่เกษตรกรรายย่อยที่มีมูลหนี้ต่อรายไม่เกิน 100,000 บาท ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ที่ดำเนินการในช่วงปี 2544-2548 โดยใช้มาตรการจูงใจให้แก่เกษตรกรรายย่อยที่ไม่ประสงค์จะเข้าโครงการพักชำระหนี้ ได้ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง 3% ผลปรากฏว่า จำนวนเกษตรกรที่เข้าโครงการพักการชำระหนี้กับเกษตรกรที่ไม่เข้าโครงการแต่ขอรับการลดอัตราดอกเบี้ยนั้น มีสัดส่วนเกือบเท่าๆกัน เช่น คนที่เข้าพักหนี้มีสัดส่วน 51% และคนไม่ขอพักหนี้แต่ได้รับส่วนลดดอกเบี้ยส่วนคนที่ขอลดภาระดอกเบี้ยอยู่ที่ 49%
ส่วนโครงการพักการชำระหนี้ของรัฐบาลเศรษฐาจะมีการเสนอให้ ครม.พิจารณาในวันที่ 26 ก.ย.นี้ โดยจะครอบคลุมมีเกษตรกรที่อยู่ในข่ายที่จะได้รับสิทธิ์เข้าโครงการ 4 ล้านราย มีระยะเวลาพักหนี้ 3 ปี ส่วนมูลหนี้ต่อรายที่เกษตรกรในข่ายได้รับการพักการชำระหนี้นั้น กระทรวงการคลังยังไม่เปิดเผยตัวเลข อย่างไรก็ดี ในอดีตการพักหนี้ในสมัยรัฐบาลทักษิณ เมื่อกว่า 20 ปีมาแล้ว กำหนดมูลหนี้เกษตรกรที่มีสิทธิ์เข้าโครงการพักการชำระหนี้ไว้ที่ 100,000 บาท แต่มาในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ทำโครงการพักการชำระหนี้เกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย ได้กำหนดมูลหนี้ต่อรายที่มีสิทธิ์เข้าโครงการว่า จะต้องไม่เกิน 500,000 บาท
“ความแตกต่างของโครงการพักการชำระหนี้ของรัฐบาลชุดนี้กับในอดีตคือ แม้ว่าเกษตรกรรายนั้นจะอยู่ในโครงการพักการชำระหนี้ก็ตาม แต่ยังสามารถมีสิทธิ์กู้เพิ่มเติมจาก ธ.ก.ส.ได้ ซึ่งในอดีตไม่สามารถกู้เพิ่มเติมได้”.