นายกฯ ลุยต่อจิ๊กซอว์เศรษฐกิจ เดิมพันเป้า GDP โตเฉลี่ยปีละ 5% ยัน ขึ้นค่าแรง-แก้หนี้-แจกเงินดิจิทัล

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

นายกฯ ลุยต่อจิ๊กซอว์เศรษฐกิจ เดิมพันเป้า GDP โตเฉลี่ยปีละ 5% ยัน ขึ้นค่าแรง-แก้หนี้-แจกเงินดิจิทัล

Date Time: 18 ก.ย. 2566 14:03 น.

Video

"CINDY CHAO The Art Jewel" สองทศวรรษอัญมณีศิลป์ | Brand Story Exclusive EP.4

Summary

  • นายกฯ เศรษฐา เปิดใจ ไทยรัฐกรุ๊ป เปิดมุมคิดเศรษฐกิจ กับเป้าหมายที่ GDP ต้องโตแรง 5% ในยุคสมัย วางเกมเร่ง เดินหน้าทุกนโยบายดัง ไม่ปฏิเสธ แจกเงินดิจิทัลหมื่นบาท เป็นประชานิยม แต่ท้องถิ่นได้ประโยชน์แน่ แรงงานเตรียมเฮ! ปีหน้าได้ค่าแรงใหม่ รอสรุปตัวเลข พ.ย.นี้ ส่วนนโยบาย วีซ่าฟรี เพิ่มเม็ดเงินท่องเที่ยว ย้ำชัด ปิดช่องทุนสีเทา จับตา บินร่วมประชุมยูเอ็น ดึงทุนระดับโลกลงทุนในไทย สู้ศึกเวียดนาม-มาเลเซีย

Latest


“ผมเป็นนายกฯ ของประชาชน การเจอกับนักธุรกิจที่เป็นข่าวใหญ่ ยืนยัน ไม่มีท่านไหนเลยขอให้ทำอะไรให้ ทุกคนให้เกียรติ บริบทของการสนทนามีแต่ชวนกันคิด จะทำอะไรให้เศรษฐกิจดีขึ้น เช่นเดียวกัน ผมก็ไปหาอดีตนายกฯ 2 ท่าน ผมก็คุยกับชาวนา ความคาดหวังต่อสังคมที่มีอยู่ ผมจะไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน” 

นับเป็นถ้อยแถลงที่ตอกย้ำความโปร่งใสและบริสุทธ์ใจ ของการเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย และเป็นการเปิดใจครั้งแรกในรูปแบบเวทีเสวนา ของ “เศรษฐา ทวีสิน” ที่ควบตำแหน่งสำคัญทางเศรษฐกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังร่วมด้วย 

โดยนายกฯ ได้แสดงวิสัยทัศน์ทางเศรษฐกิจ และให้ความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายต่างๆ ที่สังคมกำลังอยากรู้แบบครบมุม ในเวที : เปิดมุมคิด พลิกอนาคตประเทศไทย งาน Thairath Forum 2023 | Future Perfect ที่จัดโดย ไทยรัฐกรุ๊ป ว่า วันนี้รัฐบาลมีภารกิจใหญ่อยู่ตรงหน้า ท้าทาย ซึ่ง KPI ที่จะใช้ชี้วัดความสำเร็จ อยู่ที่เป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่วางไว้ว่า เศรษฐกิจไทยต้องเติบโต 5% ต่อปี พร้อมๆ กับการบริหารความคาดหวังของประชาชน และนโยบายที่เป็นธรรมต่อผู้ประกอบการ เอกชนร่วมด้วย 

ทั้งนี้ แผนกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนต่างๆ ที่รัฐบาลจะเร่งดำเนินการ จะถูกต่อเป็นจิ๊กซอว์ให้เห็นปรากฏอย่างต่อเนื่อง หลังจากการประชุม ครม.นัดแรก ได้ประกาศมาตรการลดค่าไฟฟ้า และลดค่าน้ำมันดีเซลลง เพื่อคุมต้นทางราคาสินค้าแล้ว ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาลดราคาน้ำมันเบนซินเพิ่มเติม สะท้อน “อะไรที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชน และสามารถทำได้ก่อน รัฐบาลจะทำทันที”

รัฐบาลเตรียมออกนโยบาย “แก้หนี้” ทั้งระบบ 

สำหรับมาตรการต่อไป กำลังพิจารณาหาแนวทางแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนของคนไทย ไม่ว่าจะเป็นการผ่อนหนี้ หนี้รถ หนี้ส่วนตัว จะมีแนวทางช่วยเหลือต่างๆ ออกมา เพราะเป็นที่ทราบดีว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยยังไม่ค่อยดี ค่าใช้จ่ายสูง เงินในกระเป๋าคนไทยน้อยลง รัฐบาลจึงต้องการช่วยลดค่าใช้จ่าย 

โดยเฉพาะกลุ่มพี่น้องเกษตรกร ซึ่งยืนยันจะมีการพักหนี้ให้เกษตรกร ร่วมกับ แผนเพิ่มรายได้ การให้องค์ความรู้ที่ถูกต้อง เพราะผ่านมา 9 ปี มีสถิติการพักหนี้ไปแล้ว 13 ครั้ง แต่ชาวนา ชาวไร่ ยังเดือดร้อน เนื่องจากไม่มีการบูรณาการของปัญหา รัฐบาลนี้มีแผนช่วยเพิ่มรายได้ให้ด้วย เพราะเข้าใจดีว่า เกษตรกรก็อยากอยู่อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และอยากมีเงินใช้หนี้ 

ส่วนการเพิ่มรายได้อีกส่วนสำคัญ แน่นอน ระยะสั้น คือ การเดินหน้านโยบาย ดิจิทัลวอลเล็ต แจกเงิน 1 หมื่นบาท โดยขอยืนยันว่า รัฐบาลจะพยายามผลักดันนโยบายให้ออกมาได้เร็วที่สุด อย่างช้าต้นปี 2567 หรือ 1 ก.พ. 2567 โดยกลไกการแจกเงินจะไม่มีตัวกลาง ให้เป็นข้อกังวลเงินรั่วไหลอย่างที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ รวมถึงมีความเป็นได้ที่บางพื้นที่จะพิจารณาเงื่อนไขเรื่องรัศมีการใช้งานให้มากกว่า 4 กิโลเมตร 

“เราไม่ปฏิเสธว่า นโยบายแจกเงินดิจิทัลเป็นประชานิยม แต่ที่ผ่านมา หลายๆ รัฐบาลก็ทำ แต่การแจกเงินหลายครั้ง ไม่ตอบสนองการกระจายรายได้ท้องถิ่น รัฐบาลจึงจำเป็นต้องกำหนดเงื่อนไข รัศมีการใช้จ่ายเงินไว้ที่ 4 กิโลเมตร แต่บางท้องที่จะมีการผ่อนปรนให้ แต่คงไม่เยอะ ดูความความเหมาะสม เช่นเดียว กับเงื่อนไขของประเภทสินค้า ก็มีการกำหนด เพราะต้องการให้งบ 5.6 แสนล้านบาท ให้ใช้จ่ายในห้วงเวลา 6 เดือน เกิดผลจริงๆ ด้วยแนวทางที่รัฐบาลต้องการลดรายจ่าย และกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น” 

แรงงาน เฮ! ปีหน้าได้ “ค่าแรงใหม่” / วีซ่าฟรี มีผล 25 ก.ย.

ขณะที่นโยบายการขึ้นค่าแรงนั้น เป็น 1 ในมาตรการระยะสั้นที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เราต้องการเพิ่มรายได้ ปีหน้าค่าแรงขึ้นแน่นอน ตามความเหมาะสม โดยปัจจุบันค่าแรงบางส่วนได้เกิน 400 บาทแล้ว แต่บางจังหวัดไม่ถึง ก็ต้องดูแลกัน เดือน พ.ย. น่าจะมีความชัดเจน

ขณะที่นโยบายด้านการท่องเที่ยวมีความชัดเจนแล้วว่า 25 ก.ย.นี้ “วีซ่าฟรี” จะบังคับใช้ โดยนำร่องสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนและคาซัคสถานก่อน เป็น 2 ประเทศแรก ซึ่งเป็นการตัดสินใจอย่างรวดเร็วและตรงจุดเช่นกัน เนื่องจากอีกไม่ถึง 2 สัปดาห์ ก็จะเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว หรือไฮซีซั่นของไทยแล้ว หากล่าช้าจะไม่ทันการในการรองรับความต้องการเข้ามาท่องเที่ยวของต่างชาติได้ 

อย่างไรก็ดี รัฐบาลไม่ได้มองแค่มิติวีซ่าฟรี แต่มีการสั่งการให้เตรียมความพร้อม ประตูด่านหน้า ก้าวแรกของนักท่องเที่ยว การเพิ่มช่องอำนวยความสะดวก เที่ยวบินที่มากขึ้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวเกิดความประทับใจมากที่สุด เพื่อเพิ่มโอกาส หาเม็ดเงินเข้าประเทศ 

โดยในระยะต่อไป กำลังหามาตรการดึงนักท่องเที่ยวอินเดีย ที่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวการใช้จ่ายต่อหัวแพง เข้ามาให้ได้มากขึ้น โดยเฉพาะค่านิยมเข้ามาจัดงานแต่งงานในไทยของคู่รัก ซึ่งแขก ครอบครัวที่เข้ามาในไทย มักจะขนเพชรพลอยจัดเต็มเข้ามาร่วมพิธี ส่วนนี้ก็จะเป็นรายได้ทางอ้อม ให้ไทยจัดเก็บภาษีได้มากขึ้นเช่นกัน 

อย่างไรก็ดี ในกรณีข้อกังวลวีซ่าฟรี จะเปิดช่องให้มีกลุ่มทุนจีนสีเทาเพิ่มขึ้นหรือไม่ นายกฯ ระบุว่า การยกเว้นการขอวีซ่า จะทำให้ฝ่ายความมั่นคงต้องดูแล และตระหนักถึงการตรวจสอบต่างๆ มากขึ้น ถือเป็นข้อสั่งการเด็ดขาดที่เป็นปัญหาเก่า ต้องสะสาง ขณะเดียวกันการปล่อยให้นักท่องเที่ยวเข้าฟรี ไม่ได้หมายถึงจะยกเว้นสำหรับกลุ่มแบล็กลิสต์ด้วย อยากให้สังคมเข้าใจประเด็นนี้ตรงกัน 

ชู 10 จุดแข็ง เดินหน้าดึงต่างชาติลงทุน ภารกิจประชุม UN

ด้านนโยบายดึงดูดการลงทุนของรัฐบาล นายกฯ ระบุว่า การลงทุนจากต่างประเทศเป็นเรื่องสำคัญ ต้องยกระดับเศรษฐกิจถึงจะโตได้ ย้อนไปเรื่องนี้ รัฐบาลที่แล้วทำไว้ดีมาก บางธุรกิจลง MOU ไว้แล้ว บางกลุ่มกำลังจะลง เราไปประชุมสมัชชาสหประชาชาติที่สหรัฐฯ ครั้งนี้ เพื่อบอกว่าประเทศไทยมีความพร้อมในการเปิดธุรกิจ เปิดการค้าแบบ FTA ดึงดูดนักธุรกิจใหญ่ๆ ระดับโลกเข้ามา โดยมีนักธุรกิจไทยบางท่านไปด้วย 

โดยประเทศไทยมีจุดแข็งมากกว่า 10 ด้าน ที่จะทำให้ต่างชาติอยากเข้ามาลงทุนได้ ได้แก่ 

  1. จุดยุทธศาสตร์พื้นที่ตั้ง 
  2. โครงสร้างพื้นฐาน ท่าเรือ สนามบิน ทางราง 
  3. กฎหมายและนโยบายที่เอื้อต่อการลงทุน 
  4. ความพร้อมของภาคเอกชน
  5. สภาพคล่องทางการเงิน 
  6. วัฒนธรรม การเป็นอยู่ที่เปิดกว้าง 
  7. ด้านสาธารณสุขที่ได้รับการยอมรับ
  8. โรงเรียนนานาชาติชั้นดี ดึงดูดผู้บริหารระดับสูงของบริษัทชั้นนำต่างๆ 
  9. ทรัพยากรธรรมชาติ สถานที่ท่องเที่ยว สวยงาม
  10. อัธยาศัยและความเป็นมิตรของผู้คน  

ทั้งนี้ เรื่องที่เป็นอุปสรรคอยู่บ้าง หากแต่เป็นปัญหาเชิงนิติธรรม ความไม่โปร่งใส จึงต้องเร่งแก้ไขอย่างรวดเร็ว เพื่อสนับสนุนการนักลงทุน เพราะวันนี้ ไทยกำลังถูกเวียดนามและมาเลเซีย วิ่งบี้ไล่หลังแข่งขัน 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ