มหากาพย์ข้าวสต๊อกรัฐยังไม่จบ! คนซื้อไม่มารับมอบ-อคส.ประมูลซ้ำ 11 ส.ค.นี้

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

มหากาพย์ข้าวสต๊อกรัฐยังไม่จบ! คนซื้อไม่มารับมอบ-อคส.ประมูลซ้ำ 11 ส.ค.นี้

Date Time: 2 ส.ค. 2566 06:52 น.

Summary

  • อคส.เตรียมเปิดประมูลข้าวสต๊อกรัฐ ที่ผู้ชนะประมูลครั้งล่าสุดเดือน ก.ย.65 ไม่มารับมอบ 1.5 หมื่นตัน วันที่ 11 ส.ค.นี้ หวังส่งมอบให้เสร็จในเดือน ก.ย.นี้ ส่วนข้าวที่เจ้าของคลังยึดหน่วง 2.1 หมื่นตัน

Latest

ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ย้ำชัด ไทยไม่ลด "ดอกเบี้ย" ตามเฟด ชี้ "บาทแข็งค่า" ไม่ทุบทิศทางส่งออกไทย

อคส.เตรียมเปิดประมูลข้าวสต๊อกรัฐ ที่ผู้ชนะประมูลครั้งล่าสุดเดือน ก.ย.65 ไม่มารับมอบ 1.5 หมื่นตัน วันที่ 11 ส.ค.นี้ หวังส่งมอบให้เสร็จในเดือน ก.ย.นี้ ส่วนข้าวที่เจ้าของคลังยึดหน่วง 2.1 หมื่นตัน เดินหน้าฟ้องเรียกค่าเสียหาย และขอศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราว เอาข้าวมาส่งมอบให้ผู้ซื้อ คาดเฉพาะโครงการจำนำข้าวปี 51-57 ที่ อคส.ไล่ฟ้องกว่า 1 พันคดี รัฐเสียหายนับล้านล้านบาท

นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการ องค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า วันที่ 11 ส.ค.นี้ อคส.เตรียมนำข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลลอตสุดท้าย ที่เปิดประมูลไปแล้วเมื่อเดือน ก.ย.65 รวม 230,705.71 ตัน แต่ผู้ชนะประมูลไม่มารับมอบ หรือขนข้าวออกจากโกดัง 15,013.25 ตันหลังจากเกินกำหนดระยะเวลารับมอบ ซึ่ง อคส.ได้บอกเลิกสัญญา และเรียกค่าเสียจากผู้ชนะประมูลแล้วขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการทางกฎหมาย โดย อคส.จะนำมาเปิดประมูลใหม่ และส่งมอบให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย.นี้

ทั้งนี้ เมื่อเดือน ก.ย.65 อคส.ได้เปิดประมูลข้าวสารในสต๊อกจากโครงการรับจำนำลอตสุดท้ายรวม 230,705.71 ตัน ซึ่งเป็นข้าวในคลังกลาง นอกคลังกลาง และนอกบัญชี (โครงการปี 48/49) โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.ข้าวสารเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 55, นาปีปี 55/56 และปี 56/57 มีทั้งข้าวเหนียว 10% ข้าวขาว 5% ข้าวขาว 10% ปลายข้าวขาว เอวัน เลิศ 2.ข้าวสารที่ขายเป็นการทั่วไป เป็นข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ปี 55/56 และ 3.ข้าวสารที่โกดังและคลังสินค้าค้างส่งมอบเข้าโกดังกลาง เป็นข้าวหอมมะลิ ข้าวท่อนหอมมะลิ และปลายข้าวขาว เอวัน เลิศ ปี 48/49 และปี 54/55

โดยหลังจากเปิดประมูลแล้ว มีผู้เสนอซื้อครบทั้งหมด และได้ราคาดี โดยขายได้ราคาเกือบ 1,000 ล้านบาท แต่ขณะนี้กลับพบปัญหาผู้ชนะประมูลไม่มารับมอบข้าวออกจากโกดัง ยังเหลืออีก 55,362.42 ตัน คิดเป็น 24% ของปริมาณข้าวที่ประมูลได้ แบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ กลุ่มที่ 1 ผู้ชนะประมูลไม่มารับมอบ รวม 15,013.25 ตัน ซึ่ง อคส.ได้บอกเลิกสัญญาและเรียกค่าเสียหายจากผู้ซื้อ ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการทางกฎหมาย โดยข้าวจำนวนนี้ อคส.จะนำมาประมูลใหม่วันที่ 11 ส.ค.นี้ และส่งมอบให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย.นี้

ส่วนกลุ่มที่ 2 รอการชดใช้จากบริษัทประกันภัย 19,076.75 ตัน เพราะข้าวเกิดความเสียหาย เช่น น้ำท่วม ไฟไหม้ ซึ่งล่าสุดบริษัทประกันภัยได้ออกใบเคลมให้ครบหมดแล้ว อยู่ระหว่างการชำระเงินและส่งมอบให้เสร็จสิ้นภายในเดือน ก.ย.นี้ และกลุ่มที่ 3 เจ้าของคลังยึดหน่วง ไม่ปล่อยข้าวให้ผู้ชนะประมูล 21,272.42 ตัน เก็บอยู่ในคลัง 2 หลัง อคส.จะดำเนินการทางกฎหมายเพื่อเรียกค่าเสียหาย และขออำนาจศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราว เพื่อนำข้าวมาส่งมอบให้ผู้ซื้อต่อไป โดยเร็วๆ นี้ อัยการจะสรุปสำนวนฟ้อง 1 หลัง จำนวน 4,679.04 ตัน ส่วนอีก 1 หลังยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการ

“แม้ว่าการดำเนินการระบายข้าวให้หมด จะเป็นไปด้วยความลำบากและมีอุปสรรคอย่างมาก แต่ อคส.จะสะสางปัญหาเหล่านี้ให้สำเร็จลุล่วงตามเป้าหมายเดิมคือภายในเดือน ก.ย.นี้ เพื่อปิดบัญชีโครงการรับจำนำให้ได้ทั้งหมด และดำเนินคดีเรียกค่าเสียหายให้เสร็จสิ้น มิให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการมากไปกว่านี้”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หาก อคส.สามารถขายข้าวทั้งหมดได้ และผู้ชนะประมูลชำระค่าสินค้าหมดแล้ว จึงจะสามารถปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี และนาปรังปีการผลิตตั้งแต่ปี 51-57 ในส่วนความรับผิดชอบของ อคส. เกิดการทุจริตในโครงการจากผู้เกี่ยวข้องจนทำให้รัฐเสียหายจำนวนมาก ซึ่ง อคส.ได้ฟ้องร้องดำเนินคดีทั้งหมด 1,179 คดี ทั้งแพ่งและอาญา เรียกค่าเสียหาย 503,809 ล้านบาท แต่ยังมีความเสียหายอื่นๆ อีก ทั้งผลขาดทุนจากการขายข้าวได้ในราคาต่ำกว่าราคาจำนำ ค่าบริหารจัดการอื่นๆ เช่น ค่าเช่าโกดัง ค่าบำรุงรักษา ฯลฯ

นอกจากนี้ ยังมีความเสียหายจากการทุจริตในโครงการรับจำนำสินค้าอื่นๆ อีก ทั้งมันสำปะหลังปี 51-57 ที่ อคส.ฟ้องร้องดำเนินคดี รวม 172 คดี ความเสียหาย 20,585 ล้านบาท, ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 51-57 ที่ฟ้องรวม 5 คดี ความเสียหายกว่า 1,449 ล้านบาท และสินค้าเกษตรอื่นตั้งแต่ปี 24 อีก 20 คดี ความเสียหายกว่า 204 ล้านบาท คาดว่าเมื่อรวมกันแล้วน่าจะทำให้รัฐเสียหายไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท

ขณะเดียวกัน ยังมีการเอาผิดเจ้าหน้าที่ อคส. ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตในโครงการจำนำสินค้าเกษตรด้วย โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้ชี้มูลความผิดจำนวนมาก ซึ่งมีความผิดวินัยร้ายแรง ถึงขั้นไล่ออกแล้ว 18 ราย แต่ได้มีการฟ้องร้อง อคส.ต่อศาลแรงงาน รวม 6 คดี และศาลตัดสินให้กลับเข้าทำงานใน อคส. แล้ว 1 ราย.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ