รอไม่ได้ตั้ง “รัฐบาลใหม่” 10 เดือน เลขา “สคช.-ครม.-กฤษฎีกา” หวั่นประเทศพังก่อน

3 เลขา หน่วยงานเสาหลักประเทศ “สภาพัฒน์–ครม.–กฤษฎีกา” หวั่นตั้งรัฐบาลช้ากระทบการบริหารราชการแผ่นดินอย่างหนัก โดยเฉพาะการจัดทำงบประมาณจะล่าช้าต่อเนื่องถึง 3 ปี จากปี 2567–2569 และไม่มีงบลงทุนใหม่ได้ กระทบข้อตกลงระหว่างประเทศ ยันจำเป็นต้องเคาะตั้งปลัดคลังและพลังงาน

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีพรรคการเมืองเสนอให้รัฐบาลปัจจุบันรักษาการยาว 10 เดือน เพื่อรอให้สมาชิกวุฒิสภา (สว.) หมดวาระก่อนการโหวตนายก รัฐมนตรี ว่าการที่รัฐบาลรักษาการยาวนานออกไปจะกระทบกับการบริหารราชการแผ่นดินหลายด้าน โดยเฉพาะการจัดทำงบประมาณ และจะไม่สามารถจัดทำงบประมาณการลงทุนใหม่ได้

“ยิ่งการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ล่าช้าออกไป  10 เดือน ซึ่งถือว่าเป็นสมมติฐานที่ยาวนานที่สุด ก็จะกระทบกับการจัดทำงบประมาณถึง 3 ปี งบประมาณ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2567-2569 ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเพราะปกติการจัดทำงบประมาณล่าช้าจะเกิดขึ้นไม่กี่เดือนเท่านั้น”

นายดนุชากล่าวว่า สศช.ประเมินวงเงินที่จะลงไปในระบบเศรษฐกิจ หลังจากที่หมดปี งบประมาณ 2566 ไปอีก 2 ไตรมาส (ต.ค.2566-มี.ค.2567) คาดว่าจะมีเม็ดเงินในช่วงที่ใช้งบ ประมาณไปพลางก่อน 1.8 ล้านล้านบาท เป็นวงเงินจากภาครัฐ 1.6 ล้านล้านบาท จากงบประจำ และงบลงทุนที่มีการผูกพันไว้แล้ว ส่วนอีก 200,000 ล้านบาท มาจากงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งหากการจัดทำงบประมาณล่าช้าออกไปก็ต้องไปดูว่าจะมีเงินจากรัฐวิสาหกิจลงทุนเพิ่มได้หรือไม่ ส่วนเม็ดเงินลงทุนภาครัฐที่เป็นรายการใหม่นั้นไม่สามารถทำได้ เพราะต้องมาจากรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม

ขณะเดียวกัน ยังกระทบกับการเจรจาการค้ากับต่างประเทศ (FTA) และความตกลงที่มีการ เจรจากับต่างประเทศไว้แล้ว จะไม่สามารถขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) รักษาการได้ จะกระทบการค้า การลงทุน ทำให้ประเทศไทยเสียโอกาสทางเศรษฐกิจที่ควรจะได้รับ รวมทั้งกระทบการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูง ที่เมื่อ ครม.เห็นชอบ ก็ต้องส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณา โดยในปีนี้จะมีตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลัง และปลัดกระทรวงพลังงาน

ด้านนางณัฐฎ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการ ครม.กล่าวว่า ขณะนี้สำนักเลขาธิการ ครม.ต้องเลื่อนปฏิทินการทำงานของรัฐบาลใหม่ออกไป ซึ่งกรณีที่ได้นายกรัฐมนตรีใหม่อย่างช้าที่สุดคือวันที่ 27 ก.ค. คาดว่าไม่เกินสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน ส.ค.แต่หากสมมติฐานตอนนี้ คือ การได้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลใหม่จะล่าช้าออกไป และไม่รู้ว่าจะเอาสมมติฐานอะไรมากำหนดว่าจะได้รัฐบาลใหม่เมื่อไหร่ เนื่องจากมีการเลื่อนโหวตนายกรัฐมนตรีออกไป ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะได้นายกรัฐมนตรีเมื่อไหร่ เมื่อล่าช้าออกไปก็จะส่งผลกระทบต่อการบริหารแผ่นดิน โดยเฉพาะเรื่องของงบประมาณ ไม่สามารถที่จะเบิกจ่ายงบประมาณในการลงทุนในโครงการใหม่ได้

สำหรับการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงได้รับนโยบายจากนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ว่าในขณะนี้ให้หน่วยงานราชการที่มีความจำเป็นต้องแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงให้เสนอมายัง ครม.ได้ แต่ ครม.จะส่งต่อไปยัง กกต.ให้พิจารณา ซึ่งบางหน่วยงานราชการต้องมีการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงเพื่อทดแทนตำแหน่งที่จะเกษียณอายุ ซึ่งหากมีความจำเป็น กกต.ก็คงจะอนุมัติ

ด้านนายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาและกรรมการกฤษฎีกา กล่าวว่า กรณีที่รัฐบาลรักษาการต่อเนื่องไป แม้ว่าในทางกฎหมายนั้นสามารถทำได้และไม่กระทบกับการทำกฎหมายต่างๆ เนื่องจากในขณะนี้กฎหมายที่เป็น พ.ร.บ.ไม่มีค้างอยู่ในขั้นการพิจารณาของ ครม.มีแต่เพียงกฎหมายลูก หรือกฎกระทรวงที่ขออนุมัติ แต่เรื่องที่จะมีผลกระทบก็คือ เรื่องการจัดทำ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2567 ที่ไม่สามารถทำต่อได้ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนภาพรวมของประเทศ และกฎหมายนโยบายใหม่เรื่องเศรษฐกิจซึ่งต้องรอนโยบายรัฐบาลใหม่ เพราะยังไม่รู้ว่านโยบายจะเป็นอย่างไร

ส่วนการแต่งตั้ง โยกย้าย ข้าราชการระดับสูง ตั้งแต่ระดับปลัดกระทรวงขึ้นไป รัฐบาลรักษาการสามารถทำได้ เพราะจะสิ้นปีงบประมาณแล้ว ไม่อย่างนั้นจะไม่มีคนทำงาน ซึ่ง ครม.แต่งตั้งและเสนอขอความเห็นชอบจาก กกต. หาก กกต. เห็นว่าเป็นเรื่องการเมืองมีสิทธิ์ที่จะไม่อนุมัติก็ได้ เช่น กรณีการแต่งตั้งผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิต แห่งประเทศ ไทย (กฟผ.) โดยในส่วนของกระทรวง หากปลัดกระทรวงเกษียณอายุแล้ว ยังไม่มีการแต่งตั้งคนใหม่ระหว่างนี้รองปลัดอาวุโสสูงสุดรักษาการไปก่อน ซึ่งทำได้เฉพาะที่เป็นงานปกติ แต่ทำงานในเชิงรุกที่เป็นงานใหม่ก็จะไม่มี.