นับเป็นการปรากฏตัวต่อหน้าสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก และในรอบหลายๆ ปี ของ “อภิชาติ จูตระกูล” 1 ในผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) อสังหาริมทรัพย์ชั้นแนวหน้าของเมืองไทย ที่มีพอร์ตสินทรัพย์รวมกันมากกว่าแสนล้านบาท
หลังจากที่ “เศรษฐา ทวีสิน” ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานอำนวยการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ รวมไปถึงทุกตำแหน่งที่มีในแสนสิริ เพื่อลงสู่สนามการเมืองอย่างเต็มตัว เมื่อต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา
ทำให้ “อภิชาติ จูตระกูล” กลายเป็นแม่ทัพใหญ่ขับเคลื่อนแสนสิริในเวลานี้ โดยล่าสุด ในการเปิดแผนธุรกิจ แบรนด์บ้านเดี่ยว “เศรษฐสิริ” ที่แสนสิริจะใช้รุกเจาะตลาดเศรษฐีไทยอย่างหนัก เพราะแค่แบรนด์ๆ เดียวจะเปิดทั้งปี นับ 10 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 21,900 ล้านบาท
แสนสิริ วอนจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็ว
“อภิชาติ” ได้กล่าวถึงบทบาทสำคัญ และให้มุมมองต่อทิศทางธุรกิจและเศรษฐกิจไทยที่สื่ออยากได้ยิน ท่ามกลางกระแสร้อนทางการเมืองที่แตะมาถึง และอาจเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้เปราะบางไปด้วย ว่า ...วันนี้ยังเชื่อมั่น GDP ไทยยังจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย 3-4% ในปีนี้
แม้จะไม่ได้เติบโตพุ่งแรง แต่ถ้าเทียบกับทิศทางเศรษฐกิจในสหรัฐฯ และยุโรป ท่ามกลางปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ (สงคราม) โลกไม่นิ่งขณะนี้ แต่ประเทศไทยยังสามารถเติบโตได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะนั่นหมายถึงเศรษฐกิจไทยยังไม่ตาย และกำลังกัดฟันสู้อยู่
ขณะปัจจัยทางการเมืองที่ขณะนี้ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ CEO แสนสิริ กล่าวว่า ในฐานะนักธุรกิจไม่มีใครอยากพูดถึงการเมือง แต่ก็ต้องยอมรับว่าความล่าช้าของการจัดตั้งรัฐบาลที่ยังหาทางจบไม่ได้ อาจมีผลกระทบต่อเป้าหมาย GDP ไทย และ มีผลต่อการขึ้น-ลงของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ด้วย
เพราะหาก GDP ไทยดี อสังหาฯ ก็จะมีทิศทางดีไปด้วย จากคนมีรายได้เพิ่ม ก็มีกำลังซื้อบ้าน-คอนโดมิเนียม แต่ถ้า GDP แย่ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่อสังหาฯ จะแย่ไปด้วย จึงคาดหวังว่าเร็วๆ นี้ฟากการเมืองจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ มอง “ยิ่งเร็วเท่าไร ยิ่งดีต่อภาคธุรกิจ และเศรษฐกิจไทย”
“วันนี้ยังไม่มีรัฐบาล ก็หวังว่าจะจัดตั้งได้เร็วๆ นี้ ในมุมนักธุรกิจไม่ได้สนใจเรื่องการเมือง สนใจอย่างเดียวว่าเศรษฐกิจจะไปได้หรือเปล่า? เพราะถ้า GDP ขึ้น อสังหาฯ ก็จะขึ้นด้วย”
ทั้งนี้ สิ่งที่นักธุรกิจใหญ่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากคนนี้อยากเห็นจากรัฐบาลชุดใหม่ คือ ต้องการให้เร่งแก้ปัญหาปากท้องประชาชนกลุ่มรากหญ้าอย่างตรงจุดเป็นลำดับแรก และขอให้ระมัดระวังในการปรับเปลี่ยนกฎหมายบางอย่าง
เดินหน้าเปิดโครงการใหม่ คว้าเป้ายอดขาย 5.5 หมื่นล้านบาท
สำหรับก้าวสำคัญของแผนธุรกิจของแสนสิริ (SIRI) ภายใต้ความท้าทายทางเศรษฐกิจและการเมืองในปีนี้นั้น “อภิชาติ จูตระกูล” ระบุว่า บริษัทยังมุ่งมั่นต่อการรักษาตำแหน่งแชมป์โครงการอสังหาฯ กลุ่มลักซ์ชัวรี และซุปเปอร์ลักซ์ชัวรีของประเทศไทย หลังจากเป็นพอร์ตสินค้าสำคัญที่ทำให้ช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมายังเติบโตได้ ผ่านการที่บริษัทสามารถสร้างยอดขายรวมได้ถึง 25,000 ล้านบาท
โดยสามารถปิดการขาย Sold Out โครงการบ้านเดี่ยวแบรนด์เศรษฐสิริไปถึง 3 โครงการรวด มูลค่ารวม 9,300 ล้านบาท ขณะการเปิดตัวโครงการใหม่ในคอลเลคชันหรูไปแล้ว 3 โครงการ ได้แก่ โครงการนาราสิริ พหล-วัชรพล, โครงการ บูก้าน กรุงเทพกรีฑา และโครงการ เศรษฐสิริ ดอนเมือง ก็มียอดขายตอบรับที่ดี
แม่ทัพแสนสิริ เผยต่อว่า ปี 2566 เป็นปีที่สำคัญของบริษัท ภายใต้เป้าหมายยอดขายทั้งปี 55,000 ล้านบาท และรายได้ 40,000 ล้านบาท ควบคู่กับการคาดว่าจะสามารถทำกำไรได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ (ALL-Time High) เติบโต 40-50%
เจาะในกลยุทธ์สำคัญนั้น แสนสิริ เตรียมผลักดันแบรนด์แข็งแกร่ง บ้านเดี่ยวเศรษฐสิริ กลุ่มราคาเริ่ม 15 ล้านบาทขึ้นไป มากถึง 10 โครงการ มูลค่ารวม 29,000 ล้านบาท เป็นคีย์ไดร์ฟเจาะตลาดลูกค้าเศรษฐีไทยในปีนี้
จากเศรษฐสิริ วัชรพล สู่ตำนานบทใหม่
ย้อนไป 20 ปีก่อน แบรนด์บ้าน “เศรษฐสิริ” ของแสนสิรินั้นถูกผลักออกมาชิมลางตลาดอสังหาฯ ไทย ทำเลแรกที่ห้าแยกวัชรพล ในราคาเริ่มแค่ 7 ล้านบาท แม้ในสมัยนั้นจะถูกมองว่าเป็นบ้านที่ราคาแพง แต่เทียบกับปัจจุบัน 7 ล้านบาทดังกล่าวได้กลายเป็นปฐมบทที่ไม่อาจหวนกลับไปได้แล้ว แต่แบรนด์เศรษฐสิริกลับเป็นที่รู้จักกันดี และขึ้นแท่นในหมู่ความนิยมของคนระดับสูงในสังคม ผ่านภาพสะท้อนความสำเร็จของชีวิต อาจเป็น “บ้านเศรษฐสิริ” สักหลัง โดยปัจจุบัน แสนสิริ เปิดแบรนด์ “เศรษฐสิริ” มาแล้วเกือบ 30 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 70,000 ล้านบาท
ด้วยความแข็งแกร่งของแบรนด์ ปีนี้บริษัทจึงเดินหน้าเปิดตัว เศรษฐสิริ 4 ดีไซน์ใหม่ บน 10 ทำเล โดยเร็วๆ นี้จะเผยโฉม เศรษฐสิริ ดีไซน์ใหม่ ที่คาดว่าจะสร้างความสนใจเป็นอย่างมาก กับดีไซน์ “Art Deco” ที่โครงการ “เศรษฐสิริ วงแหวน-จตุโชติ” บ้านเดี่ยว ที่ดินใหญ่ 100 ตารางวาขึ้นไป ราคา 15-30 ล้านบาท
ส่วนอีก 8 โครงการ ได้แก่ ทำเลบางนา, ถนนราชพฤกษ์, สายไหม, วัชรพล, เสรีไทย, พรานนก, พุทธมณฑล สาย 1 และเชียงใหม่ ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ความน่าสนใจของลูกค้ากลุ่มนี้ถูกถ่ายทอดจากคำบอกเล่าของ CEO แสนสิริ ว่า ตลาดอสังหาฯ ลักซ์ชัวรีของไทยเติบโตมาต่อเนื่อง ซึ่งแสนสิริถือเป็นผู้นำในตลาด มีโอกาสทั้งในทำเล กทม. ปริมณฑล และต่างจังหวัดอย่างเชียงใหม่
โดยยังเน้นในดีมานด์ความต้องการของคนไทย ขณะกำลังซื้อต่างชาติที่ให้ความสนใจต่ออสังหาฯ ไทย ก็ถือเป็นโอกาสของแสนสิริเช่นกัน เพราะแบรนด์แสนสิริก็ได้รับความเชื่อถือในหมู่คนต่างชาติ
อีกส่วน ตลาดดังกล่าวมีปริมาณการปฏิเสธสินเชื่อไม่มาก เพราะลูกค้าส่วนใหญ่มีเงินสด เงินเก็บ และมีรายได้เติบโตสวนทางในช่วงโควิด โดยเฉพาะกลุ่มเจ้าของธุรกิจส่วนตัวระดับกลาง-บน ที่ยังขับเคลื่อนได้ โดยเฉพาะกำลังซื้อมาแรงในการเจาะกลุ่ม Young Successor ที่ให้ความสำคัญกับสถานะทางสังคม และรางวัลของชีวิต
ตลาดบ้านเดี่ยวเติบโตดี กลุ่ม 10 ล้านอัปฮอต
ขณะนายอาณัติ กิตติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ระบุสอดคล้องกันว่า สำหรับแนวโน้มของตลาดบ้านเดี่ยวปีนี้ยังมีปัจจัยบวกมาจากอัตราเงินเฟ้อของไทยที่ปรับตัวลดลงต่ำกว่าที่ประเมินไว้ค่อนข้างเร็ว ภาพรวมการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวเร็ว รวมถึงการขยายตัวของทำเลที่อยู่อาศัยจากการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายใหม่ๆ ในปีนี้
ทำให้คาดการณ์ว่าตลาดบ้านเดี่ยวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะมีทิศทางที่ดี โดยบ้านเดี่ยวที่คาดว่าจะขยายตัวในปีนี้อยู่ในระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งเป็นเซกเมนต์ที่ไม่ได้รับผลกระทบต่อปัจจัยกระทบต่างๆ สอดคล้องกับระดับราคาที่แสนสิริมีแผนเปิดตัวมากที่สุดในปีนี้ ซึ่งทำให้มั่นใจว่าแสนสิริจะสามารถทำยอดขายโครงการแนวราบได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
โดยล่าสุด แสนสิริ สามารถสร้างยอดขายจากโครงการแนวราบได้แล้วกว่า 14,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นถึง 42% จากเป้าแนวราบที่วางไว้ 33,000 ล้านบาท รวมทั้งครึ่งปีหลังยังมีโครงการที่เตรียมทยอยเปิดตัวอีกมาก จึงมั่นใจว่าจะสามารถทำยอดขายโครงการแนวราบได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ในปีนี้กลุ่มธุรกิจบ้านเดี่ยวของแสนสิริเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 18 โครงการ มูลค่า 38,400 ล้านบาท ครอบคลุมครบทั้ง 5 แบรนด์ โดยไฮไลต์สำคัญคือ การขยายพอร์ตสินค้าในกลุ่มบ้านเดี่ยวมากยิ่งขึ้นด้วยบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรีแบรนด์ “เศรษฐสิริ” ระดับราคา 12-30 ล้านบาท ที่เจาะกลุ่มลูกค้าที่อายุน้อยลง และประสบความสำเร็จเร็ว สะท้อนแนวคิด Portrait of Success ภาพของชีวิตที่ภาคภูมิ ด้วยการเปิดตัว New Design Series เศรษฐสิริ 4 ดีไซน์ใหม่ ประกอบด้วย “จอร์เจียน-อาร์ตเดโค-เบอร์ลิน และโมเดิร์นคลาสสิก”.