ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ประเมินความเสี่ยงทางการคลังของกองทุนประกันสังคม ณ สิ้นปี 65 พบว่ามีเงินรวม 2.361 ล้านล้านบาท ลดลง 17,000-18,000 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 2.379 ล้านล้านบาท ลดลงครั้งแรกในรอบ 5 ปี เพราะมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของเงินลงทุนในกองทุนฯลดลงตามดัชนีหุ้นไทย ประกอบกับรายได้จากเงินสมทบลดลงจากมาตรการลดการจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนฯของนายจ้าง และผู้ประกันตนตามมาตรา 33, 39 และ 40 ขณะที่รายจ่ายเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีป่วยยังสูงกว่าช่วงก่อนโควิด-19 รวมถึงสังคมผู้สูงอายุ ส่งผลกระทบต่อความยั่งยืนของกองทุนในระยะยาว ซึ่งกระทรวงการคลัง ต้องประเมินความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง และใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงทางการคลัง รายได้ และหนี้สาธารณะ
อย่างไรก็ตาม กระทรวงแรงงานอยู่ระหว่างพิจารณาร่างกฎกระทรวงฯกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำและขั้นสูงที่ใช้เป็นฐานคำนวณเงินสมทบกองทุนฯ ซึ่งมีสาระสำคัญในการปรับฐานค่าจ้างขั้นสูงจาก 15,000 บาท เพื่อให้ลูกจ้างและนายจ้างจ่ายเงินสมทบสูงขึ้น มีรายได้เข้ากองทุนฯ มากขึ้น รวมถึงรัฐบาลควรจัดสรรงบประมาณที่ยังค้างจ่ายเงินสมทบให้แก่กองทุนฯ 70,300 ล้านบาทด้วย.