ดีอีเอสพร้อมรับทุกกระบวนท่ารัฐบาลใหม่ ยินดีถูกมองเป็นกระทรวงเกรดเอ ปลัดแถลงผลงานปราบโกงออนไลน์ คดีลดเหลือ 600 คดีต่อวันจาก 800 คดี อายัดเงินมากขึ้น 3 เท่า ยอมรับการเดินหน้านโยบายรัฐบาลดิจิทัลต้องทำให้ดีกว่านี้ เตรียมผลักดันแก้ระเบียบจัดซื้อจัดจ้างไอทีภาครัฐ และผลักดันลงทุนระบบคลาวด์ในประเทศ
นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยเมื่อวันที่ 10 ก.ค.66 ระหว่างงานพบปะสื่อมวลชนว่า เตรียมพร้อมรับนโยบายจากรัฐบาลใหม่ ไม่ว่าจะเป็นใครหรือพรรคใด และนับเป็นเรื่องดีที่พรรคก้าวไกล ซึ่งได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้งสูงสุด มองว่าดีอีเอสเป็นกระทรวงเกรดเอ โดยนอกจากงานในขอบข่ายรับผิดชอบเรื่องการป้องกันและปราบปรามภัยออนไลน์แล้ว ยังมีแผนผลักดันการเดินหน้าพัฒนานโยบายรัฐบาลดิจิทัลให้เข้มข้นมากขึ้น
ทั้งนี้ ดีอีเอสได้ดำเนินการในภารกิจหลายด้าน โดยในส่วนของการลดการหลอกลวงออนไลน์ได้ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมธนาคารไทยพัฒนาระบบ Central Fraud Registry ซึ่งจะทำงานด้วย Machine Learning ศึกษาและทำความเข้าใจพฤติกรรมของบัญชีแบงก์ที่มีแนวโน้มเป็นบัญชีม้า เพื่อให้สามารถสั่งปิดหรือระงับได้ทันท่วงทีมากขึ้น จากเดิมที่ใช้ระบบตรวจสอบและประสานงานโดยใช้คนเป็นหลัก คาดว่าจะนำมาใช้ได้ภายใน 1-2 เดือนข้างหน้า ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้กระบวนการหยุดยั้งความเสียหายจากการถูกฉ้อโกงลดลงได้อีก
นอกจากนั้น หลังการบังคับใช้ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 เมื่อวันที่ 17 มี.ค.66 รวมทั้งความร่วมมือด้านข่าวปลอมระหว่างศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti-Fake News Center) กับแอปพลิเคชันเป๋าตังและแอปพลิเคชันของแบงก์พาณิชย์ในการแจ้งเตือนข่าวปลอมนั้น ส่งผลให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายได้อย่างทันท่วงที และสร้างความตระหนักรู้ จนทำให้การแจ้งความคดีออนไลน์ลดลงจาก 800 รายการต่อวัน เหลือ 600 รายการ และยังอายัดเงินที่ถูกหลอกลวงได้เพิ่มขึ้น 3 เท่า ลดความเสียหายแก่คนที่ตกเป็นเหยื่อ
ส่วนงานผลักดันนโยบายรัฐบาลดิจิทัลนั้น ต้องยอมรับว่า ยังสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่านี้ได้ โดยต้องเริ่มจากการสร้างระบบยืนยันตัวตนทางดิจิทัล ซึ่งจะช่วยให้การทำธุรกรรมออนไลน์ต่างๆ มีความน่าเชื่อถือ ตรวจสอบได้ สะดวก และปลอดภัย โดยดีอีเอสได้ร่วมสนับสนุนโครงการพัฒนาระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลภาครัฐ หรือ Digital Identification (Digital ID) ภายใต้แอปพลิเคชัน ThaiD ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้เปิดให้บริการแล้ว ปัจจุบันมียอดดาวน์โหลดกว่า 5.8 ล้านครั้ง
“การผลักดันนโยบายรัฐบาลดิจิทัลให้เดินหน้าอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ยังต้องอาศัยการแก้ไขระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างผลิตภัณฑ์ และครุภัณฑ์เทคโนโลยีของภาครัฐให้สะดวก และดำเนินการได้ง่ายขึ้น ไม่ติดขัดขั้นตอนมากมายเหมือนในปัจจุบัน เพราะครุภัณฑ์เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนสเปกไว โดยจะมีการจัดตั้งคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการเรื่องนี้ คาดว่าภายใน 8 เดือนจะมีความคืบหน้า”
ขณะเดียวกัน กระทรวงดีอีเอสยังต้องการผลักดันการใช้ระบบคลาวด์ให้แพร่หลายรองรับแนวคิด Go Cloud First ซึ่งนอกจากสนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐใช้ระบบคลาวด์เพื่อลดต้นทุนแล้ว ยังต้องผลักดันให้มีการลงทุนระบบคลาวด์ในประเทศ เพื่อลดการเช่าใช้ คลาวด์ในต่างประเทศด้วย.