แอตต้าชี้มาตรการสกัดจีนเทาเกาผิดที่ กระทบนักท่องเที่ยวจีนหวั่นวืดเป้า สงสารนักท่องเที่ยวจีนต้องมาขอวีซ่าหน้าด่าน ตม.รอคิว 4-5 ชั่วโมง สมาคมโรงแรมชี้หากปีนี้จีนไม่มาตามเป้า อัตราการเข้าพักเฉลี่ยในโรงแรมจะลดลงจาก 65% เหลือ 60% ของจำนวนห้องพัก
นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า ข้อจำกัดเรื่องการอนุมัติวีซ่านักท่องเที่ยวจีนยังไม่ได้รับการแก้ไข โดยเงื่อนไขวีซ่าตอนนี้ทำให้คนจีนจะมาเที่ยวไทยก็ตัดสินใจที่จะไม่มาแทน เพราะเงื่อนไขการอนุมัติวีซ่าที่ยากเหลือเกิน ทำให้ตลาดจีนเที่ยวไทยชะลอตัวทั้งที่มีความต้องการอยากเข้ามา เที่ยวไทย ส่วนคนที่อยากมาเที่ยวไทยมากจริงๆ ก็มาผ่านวีซ่า Visa on Arrival (วีโอเอ) หรือวีซ่าหน้าด่านตรวจคนเข้าเมืองในประเทศ ซึ่งจากข้อมูลที่ได้มาพบว่า วีซ่าดังกล่าวก็ไม่ได้ทำง่าย เพราะต้องรอการตรวจสอบและพิจารณา ที่ต้องรอในสนามบิน 4-5 ชั่วโมง แบบนี้ทรมานมาก พอเจอแบบนี้นักท่องเที่ยวจีนก็คิดหนักในการเข้ามาเที่ยวไทย ซึ่งก็น่าสงสารเหมือนกัน ที่จะเข้ามาเที่ยวแล้วต้องเจอแบบนี้
นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมแอตต้า กล่าวว่า แนวโน้มนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าไทยทั้งปี 2566 เป็นเรื่องยากที่จะถึงเป้าหมายที่วางไว้ 5-7 ล้านคน เพราะ 6 เดือนแรกของปีมีชาวจีนเข้ามาท่องเที่ยวไทยเพียง 1.3 ล้าน และช่วงปลายไตรมาส 2 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยเพียงเดือนละ 100,000 คนเท่านั้น สาเหตุเพราะการวางเงื่อนไขในการอนุมัติวีซ่าเพื่อป้องกันจีนเทา หรือแก๊งจีน ทำให้กระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบและตั้งเงื่อนไขการให้วีซ่าเข้มงวดมาก อาทิ คนจีนที่ต้องการขอวีซ่าต้องแสดงเงินในบัญชี 50,000 หยวน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 250,000 บาท เป็นการสร้างเงื่อนไขที่ยากกว่าการเดินทางไปท่องเที่ยวในยุโรปหรือสหรัฐฯ
“กระทรวงการต่างประเทศยังขอความร่วมมือไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองฝั่งจีน ให้ช่วยตรวจสอบตั้งแต่ต้นทาง ก่อนส่งคนออกจากประเทศมาเที่ยวเมืองไทยทำให้เกิดความยุ่งยาก เป็นการเข้มงวดกับนักท่องเที่ยวจริงๆที่เดินทางมากับบริษัททัวร์ ซึ่งเป็นคนละกลุ่มกันกับจีนเทา เพราะกลุ่มจีนเทาจะไม่มาขอวีซ่านักท่องเที่ยว และไม่เดินทางร่วมกับกลุ่มทัวร์ แต่จะเดินทางมาจากประเทศที่ 3 หรือถือหนังสือเดินทางของชาติที่ 3 เข้ามาแทน ซึ่งมาตรการตรวจสอบตั้งแต่ต้นทางและการเข้มงวดกับนักท่องเที่ยวจีน จึงไม่กระทบเพียงนักท่องเที่ยวแต่กระทบกับนักธุรกิจด้วย”
ด้านนางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า ช่วง 6 เดือนของปีนี้ อัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเดือน มิ.ย.อัตราเข้าพักอยู่ที่ 60.65% เพิ่มขึ้นจากเดือน พ.ค.ที่อัตราเข้าพักอยู่ที่ 57.6% โดยในปี 2566 คาดว่าอัตราการเข้าพักจะอยู่ที่ 60-65% ซึ่งอัตราเข้าพักทั้งปีจะได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ นั่นหมายถึงนักท่องเที่ยวจีนต้องเดินทางเข้ามาไทยได้ตามเป้าหมายขั้นต่ำคือ 5 ล้านคน แต่หากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ อัตราการเข้าพักทั้งปีเฉลี่ย น่าจะอยู่ที่ประมาณ 60% ของจำนวนห้องพัก
ทั้งนี้ อยากให้รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่มีขนาดใหญ่ และเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ต้องมีหน่วยงานกำกับดูแลอย่างจริงจัง ไม่ใช่ปล่อยปละละเลย จนเรื่องที่ผิดกฎหมายกลายเป็นเรื่องถูกกฎหมาย ดังนั้น ทั้งรัฐและผู้ประกอบการ ต้องมาร่วมกันคลี่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับภาคท่องเที่ยวร่วมกัน เพื่อความยั่งยืนของภาคการท่องเที่ยว กังวลว่ากลุ่มทุนต่างชาติจะเข้ามาทำธุรกิจแบบเดิมในไทย เหมือนอดีตก่อนการระบาดของโควิด-19 ที่กลุ่มคนจีนเข้ามาซื้ออพาร์ตเมนต์ แล้วรับนักท่องเที่ยวจีนซะเอง.