7 สมาคมท่องเที่ยวรวมตัวฟื้นเฟตต้า ตบเท้าลาออกจาก สทท. ชี้เพื่อทำงานให้คล่องตัว มีประสิทธิภาพไม่เป็นศัตรูกัน พร้อมยื่นข้อเสนอรัฐบาลเร่งแก้ปัญหานักท่องเที่ยวจีนมาน้อย ยุติขึ้นค่าแรง 450 บาท ช่วยซ่อมรถทัวร์ที่จอดนิ่งสนิทมา 4 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 7 สมาคม ได้แก่ สมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (แอตต้า) สมาคมโรงแรมไทย (THA) สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) สมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย (สปข.) สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย (PGAT) และสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) ได้ลาออกจากสมาคมสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) พร้อมมาร่วมกันฟื้นสมาพันธ์สมาคมท่องเที่ยว (สสทท.หรือเฟตต้า) ซึ่งเคยมีบทบาทเมื่อ 10 ปีก่อน โดยได้ลงนามความร่วมมือในการจัดตั้งเฟตต้าพร้อมเสนอข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลใหม่
นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมแอตต้า กล่าวว่า แม้สถานการณ์ท่องเที่ยวจะเริ่มฟื้นแล้ว แต่สถานะของบริษัททัวร์ยังย่ำแย่ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนไม่ได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากติดปัญหาการขออี-วีซ่า ซึ่งได้ร้องเรียนไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ยังแก้ปัญหาไม่ลุล่วง จึงเป็นห่วงว่านักท่องเที่ยวจีนจะไม่เป็นไปตามเป้าหมาย 5-7 ล้านคน
นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า ขณะนี้นักท่องเที่ยวจากหลายๆชาติฟื้นแล้ว แต่จีนเป็นชาติเดียวที่ฟื้นตัวน้อยที่สุด โดยเดือน พ.ค.ฟื้นแค่ 20% ส่วนข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลใหม่ ขอให้ชะลอหรือยุติการปรับขึ้นค่าแรง 450 บาทออกไปก่อน เพราะธุรกิจโรงแรมยังฟื้นตัวไม่ทั่วถึง ประกอบกับมีต้นทุนค่าใช้จ่ายสูงขึ้นเช่น ต้นทุนค่าไฟ รวมทั้งภาระหนี้สินเยอะจากโควิด ประกอบการธนาคารแห่งประเทศไทยมีการปรับดอกเบี้ยสูงขึ้น ถ้าเป็นไปได้อยากให้ขยายเวลาการจ่ายเงินต้นออกไปเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ
นายวสุเชษฐ์ โสภณเสถียร นายกสมาคม สปข. กล่าวว่า จากรถบัสนำเที่ยวของสมาชิกสมาคม 40,000 คัน ปัจจุบันรอดมาได้ 15,000 คัน โดย 4,000 คัน ให้บริการองค์กร โรงงาน ส่วนอีก 8,000 คัน ให้บริการนักท่องเที่ยว สร้างรายได้ 90,000 ล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตาม ขณะนี้นักท่องเที่ยวยังไม่กลับมาเท่าเดิม ขณะที่มีข้อเรียกร้องเร่งด่วน ประกอบด้วย 1.ต้องการให้จัดสรรงบหรือกองทุนฟื้นฟูสภาพรถที่จอดนิ่งเป็นเวลากว่า 4 ปี ซึ่งใช้เงินซ่อมบำรุง 500,000 บาทต่อคัน 2.ต้องการให้ภาครัฐเร่งส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวโดยรถบัส 3.ต้องการให้แก้เงื่อนไขของสำนักงบประมาณที่เพิ่งออกมา ในการประมูลงานภาครัฐ บริษัทต้องมีงบดุลไม่ติดลบ 1 ปี ซึ่งโควิดที่ผ่านมาทำให้บริษัท 90% ไม่มีใครไม่ติดลบ 4.ต้องการให้รัฐออกนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางการนำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้
“หลังจากนี้ทางเฟตต้าจะเดินสายพบผู้นำภาคเอกชน และเมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่สำเร็จ และมี รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาคนใหม่”
นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า การที่ทั้ง 7 สมาคมมารวมตัวกันในนามเฟตต้ามีเป้าหมายร่วมกับรัฐเพื่อวางแผนพัฒนาภาคการท่องเที่ยวไทยสู่ความยั่งยืนตอกย้ำภาคท่องเที่ยวไทยในฐานะผู้นำของภาคท่องเที่ยวโลก ซึ่งประเทศไทยเคยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมากเป็นอันดับ 9 ของโลกก่อนโควิดระบาดและยืนยันว่าเฟตต้าไม่ได้เป็นศัตรูกับ สทท.