ในระหว่างที่เรากำลังรอกันอยู่ว่าการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่จะจบลงอย่างไรนั้น...ลองมาดูสถานการณ์ล่าสุดทางเศรษฐกิจของประเทศไทยกันสักนิดว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง
ตัวเลขที่เลขาธิการสภาพัฒน์แจ้งแก่ ครม.ชุดรักษาการเมื่อสัปดาห์ก่อนโน้นสรุปได้ว่า ไตรมาสแรกของปี 2566 เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 2.7 เพ่ิมขึ้นจากร้อยละ 1.4 ในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว
ได้แรงส่งมาจากตัวเลขการบริโภคที่เพิ่มขึ้นและการลงทุนภาครัฐ ภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
ในขณะที่การส่งออกมูลค่าลดลงต่อเนื่องจากไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว แต่ด้วยเปอร์เซ็นต์ที่ลดน้อยกว่า จะตีความว่าดีขึ้นก็คงจะได้
ตัวเลขที่ดีมากและมีส่วนทำให้เศรษฐกิจขยายตัวในไตรมาสแรกของปี 2566 ในอัตราที่น่าพอใจ คงต้องยกให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาสู่ประเทศไทยกว่า 6 ล้าน 4 แสนคน และคาดว่าค่าใช้จ่ายอาจสูงถึง 3 แสนล้านบาทเศษ
ในขณะที่ตัวเลขอัตราว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 1.05 ต่ำกว่าร้อยละ 1.15 ในไตรมาสก่อนหน้าก็แปลว่าดีขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน
ส่งผลให้สภาพัฒน์คาดหมายว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2566 ทั้งปี อาจขยายตัวได้ระหว่างร้อยละ 2.7-3.7
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะต้องหาทางขับเคลื่อนการส่งออก การลงทุนภาคเอกชน การสนับสนุนการท่องเที่ยว และดูแลการผลิตภาคเกษตรอย่างใกล้ชิด
สภาพัฒน์ทิ้งท้ายเป็นเชิงติงไว้เป็นข้อสังเกตด้วยว่า จะต้องรักษาบรรยากาศทางการเมืองในประเทศช่วงหลังเลือกตั้งให้ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดีปราศจากข้อขัดแย้งที่จะเป็นผลเสียต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ
ผมเห็นด้วยในประเด็นนี้ แต่ก็ฝากให้รัฐบาลรักษาการ รวมไปถึงกระทรวง ทบวง กรม ที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิดควบคู่ไปด้วย เพราะยังมีความน่ากังวลใจอยู่อีกหลายเรื่อง
เริ่มจากสงคราม รัสเซีย ยูเครน ซึ่งยังไม่จบง่ายๆและอาจบานปลายต่อเมื่อมีข่าวหนาหูขึ้นว่ายูเครนพร้อมจะตีโต้รัสเซียบ้างแล้ว
ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯกับจีนยังคงเข้มข้นและเชื่อว่าจะยังคง ทำสงครามเศรษฐกิจและสงครามจิตวิทยาต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งไม่เป็นผลดีแก่เศรษฐกิจโลกแน่นอน
ในประเด็นปัญหา “ขยายเพดานหนี้“ สหรัฐฯที่ห่วงกันมากว่าการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีไบเดนกับประธานสภาผู้แทนราษฎรจะยืดเยื้อเกินกำหนดเส้นตาย 1 มิถุนายนนี้นั้น ปรากฏว่าสามารถตกลงกันได้ก่อน ผมส่งต้นฉบับวันนี้เพียงไม่ถึงชั่วโมง
ก็คงจะผ่านวิกฤติไปได้อีกวิกฤติหนึ่ง โดยเฉพาะวิกฤติการผิดนัดชำระหนี้ที่วิตกกันมากของรัฐบาลสหรัฐฯ
แต่ก็นั่นแหละก็อย่าเพิ่งไว้วางใจไป เพราะปัญหาเรื่องธนาคารล้มก็ดี ปัญหาเรื่องเงินเฟ้อก็ดี ของอเมริกาเชื่อกันว่ายังไม่สะเด็ดน้ำเท่าไรนักอาจมีอะไรเกิดขึ้นอีกก็ได้
จากปัญหาเหล่านี้ ผมถึงต้องฝากให้รัฐบาลรักษาการ ไปถึงรัฐบาลใหม่ด้วย...โปรดติดตามสถานการณ์โลกให้ดีๆ และเตรียมตัวเตรียมการเอาไว้ให้รอบคอบนับแต่นี้เป็นต้นไป
ก็พอดีอ่านเจอข่าวนี้ที่ผมเห็นว่า เป็นข่าวที่มีความสำคัญและมีความหมายต่อเศรษฐกิจของไทยเรา ขออนุญาตเอามาตบท้ายคอลัมน์พร้อมกับขึ้นพาดหัวให้เลยทันที
ได้แก่ข่าว กระทรวงแรงงาน โดยท่านปลัดกระทรวง บุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ และท่านอธิบดีกรมการจัดหางาน ไพโรจน์ โชติกเสถียร ที่ออกมาแถลงแก่สื่อมวลชนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้เองว่า กระทรวงแรงงานจะจัดงาน “Job Expo Thailand 2023” ขึ้น ณ Hall EH 100-102 ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา ระหว่าง 8-10 มิถุนายนนี้
จะมีบริษัทเกือบ 400 บริษัทมาออกบูธเพื่อแจ้งให้ทราบว่า ต้องการแรงงานประเภทไหน? อย่างไร? รวมแล้วกว่า 500,000 อัตรา
ใครที่ยังตกงานอยู่หรือใครที่อยากเปลี่ยนงานอย่าลืมขึ้นกระดานข้างฝาบ้านไว้เลย 8-10 มิ.ย.นี้ ต้องไปงาน “Job Expo Thailand 2023” ที่ไบเทค บางนา นะครับ.
“ซูม”