“บิ๊กตู่” สั่ง ครม.สรุปงานรอส่งไม้ต่อ ชี้ค่าไฟ ก.ย.-ธ.ค.ลด 50-70 สต.รับพลังงานลด

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

“บิ๊กตู่” สั่ง ครม.สรุปงานรอส่งไม้ต่อ ชี้ค่าไฟ ก.ย.-ธ.ค.ลด 50-70 สต.รับพลังงานลด

Date Time: 24 พ.ค. 2566 07:07 น.

Summary

  • นายกฯ สั่งสรุปผลงานรัฐบาลชุดนี้ เตรียมส่งมอบรัฐบาลใหม่ ชี้สถานการณ์พลังงานดีขึ้น ราคาลดลงส่งผลให้ค่าไฟจ่อลดลงได้ ตั้งแต่เดือน ก.ย.พอดีเวลารัฐบาลใหม่เริ่มทำงาน

Latest

ที่ยืนของ “ธุรกิจไทย” แคบลงทุกที ไทยขาดดุล “จีน” สูงขึ้นเรื่อยๆ นำเข้าสินค้า ผ่าน Shopee - Lazada

นายกฯ สั่งสรุปผลงานรัฐบาลชุดนี้ เตรียมส่งมอบรัฐบาลใหม่ ชี้สถานการณ์พลังงานดีขึ้น ราคาลดลงส่งผลให้ค่าไฟจ่อลดลงได้ ตั้งแต่เดือน ก.ย.พอดีเวลารัฐบาลใหม่เริ่มทำงาน ขณะที่กระทรวงพลังงาน เผยข่าวดีค่าไฟงวดใหม่ (ก.ย.-ธ.ค.66) ลดแน่นอน อย่างน้อย 50 สต.ต่อหน่วย และมีลุ้นลงถึง 70 สต.ต่อหน่วยตามที่พรรคการเมืองหาเสียง หลังสัญญาณต้นทุนเชื้อเพลิงการผลิตรอบด้าน ทั้งน้ำมัน-แอลเอ็นจีเข้าสู่ขาลง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม. ได้มีการย้ำเตือนให้เตรียมการสรุปผลงานของรัฐบาลให้ดีว่ามีอะไรบ้าง เพราะวันหน้าจะต้องมีการส่งมอบให้รัฐบาลใหม่ ตามกระบวนการตามขั้นตอน ใครจะได้เป็นรัฐบาลก็แล้วแต่เราก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่ายังมีอีกหลายขั้นตอน อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ที่ยังเป็นรัฐบาลรักษาการ สิ่งที่เป็นปัญหาคือรัฐธรรมนูญ มาตรา 169 ที่รัฐบาลภายใต้การยุบสภาไม่สามารถอนุมัติการใช้จ่ายงบประมาณใหม่ได้ เพราะเป็นภาระผูกพันกับรัฐบาลใหม่ จึงเป็นปัญหาทำให้รัฐบาลนี้ทำเรื่องอะไรใหม่ๆ ไม่ได้มากนัก เพราะไม่มีงบประมาณ จำเป็นต้องประสานขอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทุกเรื่อง เช่น เรื่องค่าไฟฟ้า เมื่อเห็นชอบจาก กกต.ถึงทำได้

พล.อ.ประยุทธ์ยังได้กล่าวถึงสถานการณ์พลังงานค่อนข้างน่าจะดีขึ้นจากการประเมินในช่วงนี้พบว่าหลังจากเดือน ส.ค.ไปแล้วราคาพลังงานน่าจะลดลง แนวโน้มค่าไฟฟ้าน่าจะถูกลง แต่ก็พร้อมจะขึ้นตลอดเวลา เพราะเป็นเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ และเรื่องของสงคราม ซึ่งกระทรวงพลังงานจะบริหารจัดการเรื่องนี้อยู่อย่างดีที่สุด

ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ครม.ได้หารือถึงราคาค่าไฟฟ้าที่ในงวดเดือน ก.ย.2566 เป็นต้นไป คาดว่าราคาจะลดลง 70 สตางค์ต่อหน่วย จากราคาต้นทุนเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าลดลง ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงที่ ครม.ชุดใหม่เข้ามา แต่จนกว่าจะมี ครม.ชุดใหม่ ช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย.-ก.ค.-ส.ค.รัฐบาลชุดนี้ยังดูแลกลุ่มเปราะบางอยู่ ซึ่งมาตรการที่จะนำมาดำเนินการทาง กกต.อนุมัติมาแล้ว

วันเดียวกัน นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) งวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.นี้ ยืนยันว่ามีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลง 40-50 สตางค์ (สต.) ต่อหน่วย จากสัญญาณของราคาเชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าทั้งน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ที่มีทิศทางอ่อนตัวลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะแอลเอ็นจี ที่ล่าสุดอยู่ราว 10.5 เหรียญสหรัฐฯต่อล้านบีทียู

ขณะเดียวกัน หากราคายังคงลดลงต่อเนื่องลดลงไปสู่ระดับ 9 เหรียญฯต่อล้านบีทียู และหากบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) สามารถซื้อได้ ในราคาดังกล่าวต่อเนื่องในระยะยาว ก็จะสามารถทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงได้ 70 สตางค์ต่อหน่วยในช่วงดังกล่าว และจะทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยที่ปัจจุบันอยู่ที่ 4.70 บาทต่อหน่วยปรับลดลงมาอยู่ในระดับ 4-4.20 บาทต่อหน่วยได้เช่นกัน

นอกจากนั้น การผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น จากการที่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ และบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ.อยู่ระหว่างเพิ่มกำลังผลิตแหล่ง G1/61 หรือแหล่งเอราวัณเดิมที่จะเพิ่มเป็น 500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ในเร็วๆนี้และปลายปีนี้จะผลิตเพิ่มเป็น 600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และเดือน มี.ค.2567 จะเพิ่มเป็น 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันจะทำให้การนำเข้าแอลเอ็นจีลดลงซึ่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยมีราคาถูกกว่าแอลเอ็นจี โดยมีราคาที่ 5-6 เหรียญต่อล้านบีทียูเท่านั้น จึงจะช่วยให้ค่าไฟฟ้าสามารถปรับลดลงได้อีก ดังนั้น การที่พรรคการเมืองหาเสียงว่าจะทำให้ค่าไฟฟ้างวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.นี้ ราคาลงได้อีก สามารถทำได้แน่นอนขั้นต่ำ 50 สต.ต่อหน่วย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การลดค่าไฟฟ้าถือเป็นนโยบายที่สำคัญของทุกพรรคการเมืองในการหาเสียงในช่วงที่ผ่านมา โดยในนโยบาย 100 วันแรกของพรรคก้าวไกล ระบุที่จะลดค่าไฟฟ้าลงให้ได้ 70 สต.ต่อหน่วย นอกจากนั้นในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) 23 ข้อ ของ 8 พรรคที่ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลในขณะนี้ ก็มีเรื่องค่าไฟฟ้าอยู่ในข้อ 12 ปรับปรุงโครงสร้างการผลิตไฟฟ้า การคำนวณราคาและกำลังการผลิตที่เหมาะสม เพื่อลดค่าครองชีพประชาชน และสร้างความมั่นคงทางพลังงาน.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ