นายเกรียงไกร พัฒนาภรณ์ รองอธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า นับตั้งแต่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบในกฎกระทรวงการผลิตสุราของกรมสรรพสามิต เมื่อปลายปีที่แล้ว จนถึงปัจจุบัน มีผู้ผลิตสุราชุมชนขนาดเล็กเข้ามายื่นขอใบอนุญาต เพื่อปรับฐานการผลิตจากผู้ผลิตขนาดเล็กไปเป็นผู้ผลิตขนาดกลางมีเพียงรายเดียว ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ทำให้ผู้ประกอบการระดับชุมชนยังไม่กล้าที่จะลงทุนเพื่อขยายกิจการ ส่วนการผลิตเพื่อการบริโภคเองภายในครัวเรือนนั้น ซึ่งในกฎกระทรวงดังกล่าวได้อนุญาตให้สามารถทำได้ แต่ต้องมาแจ้งเพื่อขออนุญาตจากกรมสรรพสามิตเท่านั้น ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการยื่นขอใบอนุญาต โดยปัจจุบันมีผู้ผลิตสุราชุมชนที่ได้รับอนุญาตจากกรมสรรพสามิตรวม 1,800 ราย
สำหรับสาระสำคัญของกฎกระทรวงการผลิตสุราปี 2565 กำหนดว่า ผู้ประกอบการสุราชุมชนขนาดเล็กจะต้องมีกำลังแรงม้าของเครื่องจักรในการผลิตเป็นสูงกว่า 5 แรงม้า แต่ไม่เกิน 50 แรงม้า และมีคนงานมากกว่า 7 คน แต่ไม่เกิน 50 คน จากเดิมที่กำหนดไว้ต่ำกว่า 5 แรงม้า และมีคนงานน้อยกว่า 7 คน ขณะเดียวกันจะต้องได้รับใบอนุญาตผลิตสุราแช่ หรือสุรากลั่นชุมชนขนาดเล็กมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี และไม่เคยกระทำความผิดตามกฎหมายภาษีสรรพสามิต หรือเคยกระทำความผิดและพ้นโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี
“การปรับกฎกระทรวงการผลิตสุราครั้งนี้ กระทรวงการคลังต้องการปรับลดข้อจำกัดต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กสามารถขยายกำลังการผลิตไปเป็นผู้ประกอบการขนาดกลางได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับชุมชน”.