GDP ไทยไตรมาสแรก ขยายตัวดีเกินคาด จากท่องเที่ยวฟื้น จับตาขั้วรัฐบาลใหม่ ชี้ชะตาเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

GDP ไทยไตรมาสแรก ขยายตัวดีเกินคาด จากท่องเที่ยวฟื้น จับตาขั้วรัฐบาลใหม่ ชี้ชะตาเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง

Date Time: 15 พ.ค. 2566 12:17 น.

Video

3 มาตรการใหม่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ คุมหุ้นร้อนผิดปกติ | Money Issue

Summary

  • GDP ไตรมาสแรกปี 66 ขยายตัวสูงเกินคาด 2.7% จับตาจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเกิดขึ้นครึ่งปีหลัง คาดแนวโน้มเศรษฐกิจขยายตัว 2.7-3.7% จากการท่องเที่ยวและการลงทุนทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ

Latest


สํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาสแรกปี 2566 ขยายตัวสูงเกินคาด 2.7% จากปีก่อนหน้า และ 1.9% จากไตรมาส 4 ของปี 2565 เป็นผลมาจากการส่งออกบริการและการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัว สืบเนื่องจากภาคการท่องเที่ยวและการกลับมาขยายตัวของการใช้จ่ายหมวดบริการที่เพิ่มขึ้น 11.1% จากกลุ่มโรงแรมและภัตตาคาร

ด้านตัวเลขเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ อัตราการว่างงานลดลงอยู่ที่ 1.05% อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ที่ 3.9% ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 4 พันล้านดอลลาร์ (13.9 หมื่นล้านบาท) ขณะที่เงินทุนสํารองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2566 อยู่ที่ 2.2 แสนล้านดอลลาร์ และหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือน มีนาคม 2566 มีมูลค่าทั้งสิ้น 10,797,505.5 ล้านบาท คิดเป็น 61.2% ของ GDP

ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในไตรมาสนี้ อยู่ที่ระดับ 46.9 เพิ่มขึ้นจากระดับ 42.0 ในไตรมาสก่อนหน้า สูงสุดในรอบ 3 ปี การลงทุนรวมขยายตัว 3.1% ชะลอลง 3.9% ตามกำไรชะลอตัวของการลงทุนภาคเอกชนที่ขยายตัว 2.6% โดยการลงทุนภาครัฐขยายตัว 4.7% จาก 1.5% ในไตรมาสก่อนหน้า การลงทุนของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจขยายตัว 6.9% และ 1.8% ตํามลําดับ

ด้านการค้าระหว่างประเทศ การส่งออกสินค้ามีปริมาณและมูลค่าลดลง เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า การนำเข้าสินค้าขยายตัว 1.3% มีมูลค่า 66,860 ล้านดอลลาร์ โดยปริมาณนําเข้าลดลง 3.3% แต่ราคานําเข้าเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 2.9 พันล้านดอลลาร์ รวม 104.4 พันล้านบาท ส่วนปริมาณส่งออกลดลงกว่า 6.4% มูลค่าส่งออกลดลง 4.6% อยู่ที่ 69,806 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ พบการส่งออกสินค้าไปยังตะวันออกกลาง อินเดีย สหราชอาณาจักร โดดเด่น 

กลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกลดลง เช่น เคมีภัณฑ์และปิโตรเคมี ชิ้นส่วนและอุปกรณ์สําหรับยานยนต์ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ยางพารา และอาหารสัตว์ กลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น เช่น ชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์นั่ง รถกระบะและรถบรรทุก เครื่องปรับอากาศ เครื่องใช้ในห้องน้ําและเครื่องสําอาง น้ําตาล ข้าว และทุเรียน 

แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี 2566

สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจ คาดว่าจะขยายตัว 2.7-3.7% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ และการขยายตัวของการลงทุนทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ

นอกจากนี้ สิ่งที่ต้องติดตามกันต่อไป คือ การบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาคในช่วงที่เหลือ ที่จะต้องให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนภาคการส่งออกสินค้า การส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน การสนับสนุนการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและบริการเกี่ยวเนื่อง การดูแลการผลิตภาคเกษตรและรายได้เกษตรกร และการรักษาบรรยากาศทางเศรษฐกิจและการเมืองภายในประเทศในช่วงหลังการเลือกตั้ง

ซึ่งจะต้องจับตาการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเกิดขึ้น ที่จะส่งผลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะหลังจากนี้ไม่น้อย โดยหนึ่งในกุญแจสำคัญ คือ ความราบรื่นในการเปลี่ยนผ่านขั้วอำนาจของรัฐบาล หลังจากที่ได้มีการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่เสียงประชาชนส่วนใหญ่จากผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ไว้วางใจพรรคก้าวไกล โดยกวาดจำนวน ส.ส.ในสภาไปจำนวน 151 ที่นั่ง ตามมาด้วยพรรคเพื่อไทย 141 ที่นั่ง

และล่าสุดพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศแกนนำจัดตั้งรัฐบาลร่วม 5 พรรค ได้แก่ ก้าวไกล เพื่อไทย ไทยสร้างไทย เสรีรวมไทย ประชาชาติ รวมทั้งหมด 309 เสียง  

 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์