ผลักดันเขตเศรษฐกิจ 55 จังหวัด “ประชาธิปัตย์” ย้ำไม่กู้เงินแต่เศรษฐกิจโตได้ 5%

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

ผลักดันเขตเศรษฐกิจ 55 จังหวัด “ประชาธิปัตย์” ย้ำไม่กู้เงินแต่เศรษฐกิจโตได้ 5%

Date Time: 11 พ.ค. 2566 07:28 น.

Summary

  • “เกียรติ” ขอย้ำนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่มีการกู้เงิน แต่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้โตได้ไม่ต่ำกว่า 5% ต่อปีอย่างแน่นอน โดยอัดฉีดเงิน 1 ล้านล้านเข้าไปในระบบ ผุดเขตเศรษฐกิจพิเศษ 55 จังหวัด

Latest

ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ย้ำชัด ไทยไม่ลด "ดอกเบี้ย" ตามเฟด ชี้ "บาทแข็งค่า" ไม่ทุบทิศทางส่งออกไทย

“เกียรติ” ขอย้ำนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่มีการกู้เงิน แต่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้โตได้ไม่ต่ำกว่า 5% ต่อปีอย่างแน่นอน โดยอัดฉีดเงิน 1 ล้านล้านเข้าไปในระบบ ผุดเขตเศรษฐกิจพิเศษ 55 จังหวัด เปลี่ยนประเทศไทยจากเมืองเกษตรเป็นเมืองอาหาร เพิ่มงบวิจัยและพัฒนาให้ได้ 3% ต่อจีดีพี ดันไทยเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ

นายเกียรติ สิทธีอมร ประธานคณะกรรมการการต่างประเทศ พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ไม่เหมือนใครเลย ไม่มีการกู้เงิน แต่กระตุ้นเศรษฐกิจได้ และไม่ขึ้นภาษีแน่นอน โดยตั้งเป้าหมายอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเกิน 5% ต่อปี ซึ่งนายพิสิฐ ลี้อาธรรม ประธานคณะกรรมการนโยบาย พรรคประชาธิปัตย์ บอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่ามีแนวทางในการใช้เงินอัดฉีด 1 ล้านล้านบาทเข้าไปกระตุ้นระบบเศรษฐกิจ

ด้วยการจัดตั้งธนาคารหมู่บ้านและชุมชน แห่งละ 2 ล้านบาท วงเงิน 180,000 ล้านบาท ปลดล็อกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) 100,000 ล้านบาท ปลดล็อกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้พนักงานบริษัท 200,000 ล้านบาท สามารถนำเงินกองทุนทั้งสองรวม 300,000 ล้านบาท ไปซื้อบ้านหรือลดหนี้ที่อยู่อาศัย เพิ่มทุนให้ธุรกิจเอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพ 300,000 ล้านบาท ซึ่งหากพรรคประชาธิปัตย์ได้เข้ามาเป็นแกนนำรัฐบาลจะเริ่มทำทันทีภายใน 3 เดือน

“ผมขอย้ำว่าพรรคประชาธิปัตย์มีความพร้อมทั้งชุดนโยบาย และตัวบุคคลที่มีประสบการณ์ซึ่งมีความพร้อมที่จะเข้ามาทำงาน กระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง โดยไม่ต้องกู้เงินเพิ่ม แต่บริหารเศรษฐกิจเติบโตได้สูงกว่า 5% ต่อปี เราไม่ช่วยคนแบบเหวี่ยงแห ไม่เอาเงินไปแจกคนที่ไม่ควรได้รับความช่วยเหลือ ใช้เงินน้อย ได้ผลเยอะ เพราะเงินมีจำกัด คนมีหนี้ลดลงด้วยการปรับโครงสร้างหนี้เฉพาะสำหรับคนใดคนหนึ่ง และการคัดเลือกคนจนที่เข้าไปช่วยเหลือจะดูจากคนที่มีบัญชีเงินฝากไม่เกิน 10,000 บาท ง่ายและแม่นยำกว่าวิธีการลงทะเบียนคัดเลือกผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผมไม่เห็นด้วยที่มีคนจนเกือบ 15 ล้านคน ส่วนการปรับขึ้นภาษีจะปรับขึ้นก็ต่อเมื่อเศรษฐกิจมีการขยายตัวมากพอแล้ว”

ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ 55 จังหวัด

นายเกียรติ กล่าวต่อไปว่า การบริหารให้เศรษฐกิจขยายตัวจะต้องเปลี่ยนประเทศไทยจากเมืองเกษตรเป็นเมืองอาหาร เปลี่ยนจากขายข้าวกระสอบได้กำไร 3% เป็นขายอาหารสำเร็จรูปได้กำไร 40% จึงมีนโยบายจัดตั้งคลัสเตอร์เขตเศรษฐกิจพิเศษให้เกษตรกรเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการผลิตผ่านวิสาหกิจชุมชน กระจายไปทุกภาค 55 จังหวัด เช่น เขตเศรษฐกิจพิเศษทุ่งกุลาร้องไห้ ในจังหวัดยโสธร ร้อยเอ็ด มหาสารคาม สุรินทร์ เพื่อทำข้าวหอมมะลิออร์แกนิก มีตลาดรองรับใหญ่มาก ราคาดีมาก โดยในเขตเศรษฐกิจพิเศษ จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี นอกจากนี้จะมีเขตเศรษฐกิจพิเศษน้ำตาล ยางพารา มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ในจังหวัดที่มีศักยภาพตามธรรมชาติ

“เมื่อหันมาเน้นการแปรรูปสินค้าเกษตรให้เป็นสินค้าอาหาร กำไรที่เกษตรกรได้จะเพิ่มขึ้น การประกันรายได้สินค้าเกษตรในสินค้าที่เป็นพืชเศรษฐกิจ ข้าว ยางพารา ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปาล์มน้ำมัน และมันสำปะหลัง ถือว่าเป็นกลไกสุดท้าย ถ้ากลไกตลาดไม่สามารถจะทำให้มีรายได้เพียงพอ”

ส่วนในพื้นที่จังหวัดชายแดน สามารถทำเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษการค้าชายแดนได้ทุกพื้นที่ ให้หน่วยงานของรัฐรวมศูนย์อยู่ในพื้นที่ มีการให้สิทธิประโยชน์ในการจ้างงานแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน มีการจัดตั้งคลังสินค้า จัดระบบสต๊อกสินค้า เพื่อส่งสินค้าที่ผลิตออกต่างประเทศได้เลย

เพิ่มงบวิจัยตั้งเขตพิเศษเมืองนวัตกรรม

ขณะเดียวกัน ต้องจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษเมืองนวัตกรรม ในพื้นที่ที่มีมหาวิทยาลัยผลิตคนเข้าไปเป็นผู้วิจัย ได้ทดสอบไอเดียนี้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก บอกถ้าเมืองไทยมีเขามาลงทุนในไทยแน่นอน โดยในพื้นที่นี้นักวิจัยไทยจะได้รับสิทธิประโยชน์เท่ากับนักวิจัยต่างชาติ และสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาเป็นเจ้าของร่วม ถ้าตรงไหนรัฐบาลร่วมลงทุน รัฐบาลเป็นเจ้าของร่วมด้วย ที่สำคัญจะต้องเพิ่มงบประมาณในการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาของประเทศ (R&D) เพิ่มจากปีละ 1.8% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)เป็น 3% ของจีดีพี หรือประมาณปีละ 540,000 ล้านบาท

ด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว สามารถจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษท่องเที่ยว BCG เขตเศรษฐกิจพิเศษท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เขตเศรษฐกิจพิเศษท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เขตเศรษฐกิจพิเศษท่องเที่ยวทางการเกษตร ซึ่งสอดคล้องกับการส่งเสริมท่องเที่ยวเมืองรอง เพื่อผลักดันการท่องเที่ยวแบบใหม่ที่ขยายตัวได้ 10-20% ต่อปี ขณะที่ท่องเที่ยวดั้งเดิมขยายตัวได้เพียง 3% ต่อปี โดยในพื้นที่นี้จะได้รับสุดยอดของการได้สิทธิประโยชน์โดยไม่มีข้อจำกัด โดยทั้งหมดนี้ร่างกฎหมายเอาไว้แล้ว หากพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจะประชุมผู้เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อคุยทุกอย่างให้สะเด็ดน้ำใน 3 เดือน

ดันประเทศไทยเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล

นายเกียรติ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ยังมีนโยบายการส่งเสริม BCG (เศรษฐกิจชีวภาพเศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว) โดยในส่วนนี้เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติเขียว (Green Revolution) โดยสนับสนุนเศรษฐกิจยุคใหม่ที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจสีเขียว ได้แก่ การผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ทั้งซัพพลายเชน การส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ การสนับสนุนโรงไฟฟ้าชีวมวล การสนับสนุนการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อุตสาหกรรมรถไฟที่สามารถช่วยลดการใช้พลังงานจากการขนส่งทางถนน

นอกจากนี้ ต้องปรับประเทศไทยเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล โดยแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ในการเดินทางเข้าประเทศของสตาร์ตอัพต่างชาติ รวมทั้งแก้ไขกฎระเบียบให้สามารถระดมทุนทุกรูปแบบได้ง่ายขึ้น ในรูปแบบของ Crowdfunding หรือระดมทุนจากคนจำนวนมาก ไม่ใช่เพียงการระดมทุนผ่านสถาบันการเงินของรัฐหรือเอกชนเท่านั้น หรืออาจจะเป็นการร่วมลงทุนก็ได้ ขณะเดียวกัน ต้องพัฒนาระบบรัฐบาลดิจิทัลและอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น ไม่ใช่เป็นเพียง One Stop Service แต่ต้องเป็น No stop service ยื่นขอให้บริการใบอนุญาตทุกอย่างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ