ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร STT GDC Thailand ผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ระดับไฮเปอร์สเกลแห่งแรกในประเทศไทย เปิดเผยว่า รัฐบาลใหม่ที่มาจากประชาชนจะเป็นเสมือนจุด “Refresh & Restart” ทางเศรษฐกิจครั้งใหม่ พร้อมเสนอแนวทางพัฒนาประเทศต่อผู้ที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาล ต้องเปิดกว้างและพร้อม Disrupt ตัวเอง เชื่อมโยงกับประชาชนและภาคธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่ Regional Hub
นายศุภรัฒศ์ ศิวะเพ็ชรานาถ สิงหรา ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสที เทเลมีเดีย โกลบอล ดาต้าเซ็นเตอร์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า อันดับแรก ผู้คนต้องมาก่อน Citizen Comes First ผู้ที่เข้ามาเป็นรัฐบาลต้องสนับสนุนด้านความมั่นคงให้กับประชาชนอย่างจริงจัง ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานไปถึงด้านการพัฒนาศักยภาพการผลิตเช่น เช่น การลดต้นทุนสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่าง ค่าไฟฟ้า เนื่องจากภาระค่าไฟฟ้าของไทยนั้นถือเป็นต้นทุนที่สูงของภาคครัวเรือน ทุกกิจกรรมหรือธุรกรรมต้องพึ่งพาพลังงานไฟฟ้าแทบทั้งสิ้น โดยค่าไฟฟ้าของประเทศไทยอยู่ในอัตราที่สูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน หรือการสร้างงานใหม่เพื่อรองรับ New Gen Jobbers ที่จะเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญของประเทศ
นายศุภรัฒศ์ยังได้กล่าวถึง การสังคายนาหน่วยงานที่เป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญ โดยการอัปเกรดโครงสร้างพื้นฐานไปสู่ดิจิทัลมากขึ้น เพื่อกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนพัฒนาและเติบโตไปในทิศทางเดียวกันแล้ว การนำ Model การบริหารจัดการใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพให้ประโยชน์สูงสุดเข้ามาใช้ เช่น พิจารณาให้ภาคเอกชนเข้ามาดูแลหรือร่วมบริหารเพื่อเพิ่มความคล่องตัว ย่นเวลาการตัดสินใจที่รวดเร็ว ทันต่อการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้รัฐบาลต้องปรับโหมดเป็นผู้ลงทุนและจัดเก็บภาษีอย่างเป็นธรรม กล้าที่จะ Privatize เพื่อนำเงินเข้าคลังไปบริหารประเทศต่อไป
ขณะเดียวกันได้เสนอแนวคิด “ดันไทยเป็น 8 Regional Hubs ที่สำคัญของโลก” ได้แก่
“ประเทศไทยเดินทางมาถึงการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมไปในทุกมิติของประเทศ ตั้งแต่ผู้คน ชุมชน สังคม ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในทุกระดับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้นโยบายบริหารประเทศหลังการเลือกตั้งต้องคำนึงถึงภาพรวมและผลประโยชน์ของทุกคนในชาติ ผู้นำรัฐบาลต้องแสดงให้เห็นความเป็น Connected Leaders ที่เชื่อมโยง Local และนำไปสู่แนวคิด นโยบายและการปฏิบัติแบบ Global และการทำงานแบบ Co-Create ที่สำคัญ ต้องเร่งมือทำ Digital Transformation เพื่อปูทางไปสู่ Digital Economy ที่มีความยั่งยืน”