นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงฯจะจัดประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐเอกชน ด้านพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) วันที่ 23 พ.ค.นี้ โดยมีทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ทั่วโลกมาประชุมด้วย เพื่อร่วมกันจัดทำแผนการขับเคลื่อนการส่งออกระยะที่ 2 อย่างละเอียด แบบเจาะลึกรายภูมิภาค หลังจากที่แผนระยะที่ 1 ที่ตั้งเป้าหมายผลักดันการส่งออกไปกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เอเชียใต้ และซีแอลเอ็มวี (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) ได้ขับเคลื่อนจนเป็นผลสำเร็จ และทำให้ตัวเลขการส่งออกดีขึ้น
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่า ตัวเลขการส่งออกเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ถือว่าทำได้ดีกว่าที่ทุกสำนักประเมินเอาไว้ โดยส่วนใหญ่คาดว่าจะติดลบเป็นตัวเลข 2 หลัก แต่ผลออกมาติดลบเพียง 4.2% และยังลบน้อยกว่าประเทศอื่นๆ ส่วนมูลค่าก็เป็นมูลค่าสูงสุดในรอบ 12 เดือน แต่ถ้านับตั้งแต่มีการส่งออก เป็นตัวเลขที่ทำสถิติส่งออกสูงสุดเป็นลำดับที่ 2 รองจากตัวเลขเดือน มี.ค.2565 ที่ทำได้ 28,858 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งแนวโน้มการส่งออกไตรมาส 2 คาดจะยังติดลบ แต่เริ่มลดลง และจะเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป โดยตัวเลขทั้งปีประเมินว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย 1-2%
นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า การส่งออกเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา มีมูลค่า 27,654 ล้านเหรียญฯ ลดลง 4.2% เทียบเดือนเดียวกันปีที่ผ่านมา การนำเข้ามีมูลค่า 24,935 ล้านเหรียญฯ ลดลง 7.1% เกินดุลการค้า 2,718 ล้านเหรียญฯ รวม 3 เดือนของปีนี้ (ม.ค.-มี.ค.) การส่งออกมีมูลค่า 70,280 ล้านเหรียญฯ ลด 4.5% จากช่วงเดียวกันปี 65 นำเข้ามูลค่า 73,324 ล้านเหรียญฯ ลด 0.5% ขาดดุลการค้า 3,044 ล้านเหรียญฯ
“การส่งออกที่ลดลงมาจากสินค้าอุตสาหกรรมลด 5.9% ลดต่อเนื่อง 6 เดือนติดต่อกัน โดยสินค้าที่หดตัว เช่น สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ลด 14.2% เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ ลด 6% ส่วนสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร เพิ่มขึ้น 4.2% เป็นบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โดยสินค้าเกษตร เพิ่ม 1.2% สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร เพิ่ม 7.1% เช่น น้ำตาลทราย เพิ่ม 73.9% ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เพิ่ม 5.7% ข้าว เพิ่ม 7.2% ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง เพิ่ม 94.5%”.