ห้ามเอาเปรียบผู้บริโภค คุมเข้มปั๊มน้ำมัน-ตลาดสดทั่วประเทศ

กรมการค้าภายใน คุมเข้มปั๊มน้ำมัน ห้ามตุกติก เอาเปรียบประชาชน แนะ 4 ข้อสังเกตเข้าไปใช้บริการในปั๊ม จับมือสมาคมตลาดสด–ตลาดกลาง คุมเข้มตลาดทั่วประเทศ 600 แห่ง ใช้เครื่องชั่งถูกต้อง เที่ยงธรรม และปิดป้ายแสดงราคา

ร.ต.จักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ในเทศกาลสงกรานต์ ประชาชนเดินทางกลับบ้าน และท่องเที่ยวจำนวนมาก จึงได้เข้มงวดตรวจสอบสถานีบริการน้ำมัน (ปั๊มน้ำมัน) โดยเฉพาะตามเส้นทางหลัก เช่น ถนนมิตรภาพ ถนนพหลโยธิน ถนนเพชรเกษม ถนนสุขุมวิท เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง เที่ยงตรงของหัวจ่าย และมิเตอร์น้ำมัน เพื่อให้ผู้บริโภคได้เติมน้ำมันได้เต็มลิตร ไม่ถูกเอาเปรียบ ขอให้ประชาชนที่ไปใช้บริการในปั๊มน้ำมันสังเกต 4 อย่าง เพื่อป้องกันการถูกเอาเปรียบ คือ

1.ราคาน้ำมันที่ป้ายขนาดใหญ่หน้าปั๊ม และราคาน้ำมันที่ตู้เติมน้ำมัน จะต้องตรงกัน หรือเป็นราคาเดียวกัน

2.ก่อนเติมน้ำมัน ให้สังเกตมิเตอร์ที่ตู้เติมน้ำมันต้องเริ่มต้นที่เลขศูนย์

3.สติกเกอร์ “น้ำมันเต็มลิตร” ที่ออกโดยกรมที่จะติดที่บริเวณหัวจ่ายและภายในปั๊ม สำหรับปีนี้ เป็นสติกเกอร์สีน้ำตาล มีตราครุฑ จะช่วยรับประกันได้ว่า หัวจ่ายของปั๊มที่เข้าไปใช้บริการ ผ่านการตรวจสอบแล้ว

4.เมื่อเติมน้ำมันเสร็จแล้ว ให้ดูปริมาณ และราคาต้องสอดคล้องกัน ส่วนกรณีที่ราคาน้ำมันดีเซลในประเทศ ลดลงลิตรละ 50 สตางค์ (สต.) จากลิตรละ 33.50 บาท เหลือลิตรละ 33 บาทตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย. ถือเป็นข่าวดี ช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับผู้บริโภค

“จากการสำรวจสถานการณ์สินค้าอุปโภคบริโภค ในห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีกก่อนเทศกาลสงกรานต์ พบว่า การขายสินค้าคึกคักมาก ประชาชนเข้ามาซื้อสินค้า เป็นจำนวนมากทุกวัน สินค้าที่ขายดีมีทั้งขนมขบเคี้ยว เบเกอรี ของฝาก อาหารสด อาหารทะเล ผัก-ผลไม้ เครื่องดื่ม อุปกรณ์ทำอาหาร อย่างเตาปิ้งย่าง และหม้อสุกี้”

นายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรม สมาคมตลาดสดไทยและสมาคมการค้าตลาดกลางค้าส่งสินค้าเกษตรไทย ที่มีจำนวนสมาชิก 100 ตลาด และตลาดในความส่งเสริมของกรมอีก 500 ตลาด ได้ร่วมกันคุมเข้มพ่อค้าแม่ค้า และร้านค้า ในตลาดทุกแห่ง ให้ใช้เครื่องชั่งที่ถูกต้อง เที่ยงตรง ได้รับการตรวจรับรองจากกรมและปิดป้ายแสดงราคาสินค้า เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้บริโภค จะไม่ถูกผู้ค้าเอารัดเอาเปรียบ

“ต้องการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ที่จะไปซื้อหาอาหารสด สินค้าต่างๆในตลาด ได้รับความเป็นธรรมในด้านเครื่องชั่งที่ถูกต้อง เที่ยงตรง ไม่มีการดัดแปลงเครื่องโกงน้ำหนัก เอาเปรียบผู้ซื้อ และสินค้าที่ซื้อก็ต้องมีการปิดป้ายราคาให้ชัดเจน เพื่อให้ผู้บริโภคเปรียบเทียบราคา รวมถึงไม่มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาขาย โดยเฉพาะในช่วงสงกรานต์ ที่ประชาชนจะหาซื้ออาหารสดเพื่อไปเลี้ยงสังสรรค์”

ทั้งนี้ หากพบการกระทำความผิดในเรื่องเครื่องชั่ง จะมีโทษสูงสุด จำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 280,000 บาท และความผิดไม่ปิดป้ายแสดง ราคาจำหน่ายให้ชัดเจน จะมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท แต่หากเป็นการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาโดยไม่เป็นธรรม มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.