เมื่อเวลา 09.40 น. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ 3/2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม
โดย น.ส.แพทองธารกล่าวเปิดการประชุมตอนหนึ่งว่า วันนี้ถือว่าเป็นการประชุมครั้งแรกของตนเอง และน่าจะเป็นครั้งที่ 3 ของปีนี้ ได้หาข้อมูลและได้พูดคุยกับทีมงาน คิดว่าเป็นการประชุมที่ทำได้เร่งรัดอยู่แล้ว มีไม่กี่เรื่องที่จะขอแจ้งเล็กน้อย คือเรื่องของพลังงาน อยากให้ทุกท่านช่วยกันดูเรื่องของราคา เพราะมีผลต่อการดำรงชีวิตของประชาชน เป็นต้นทุนในหลายๆอย่าง และที่ไปประชุมต่างประเทศ ทุกประเทศสนใจเรื่องพลังงานสะอาดอย่างมาก ขอให้โฟกัสตรงนี้มากขึ้นด้วย ขอให้เน้นย้ำในเรื่องนี้เป็นสำคัญ
ทั้งนี้ ในเรื่องการขับเคลื่อนด้านของพลังงานสะอาด ถ้ามีแผนการอย่างไรก็ขอให้ไม่ช้าต่อแผนที่วางไว้ทุกอย่าง จะได้เป็นไปตามกระบวนการ และเรื่องของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ให้เร่งปรับปรุงหลักเกณฑ์การคัดเลือกและการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยเฉพาะเรื่องของรูปแบบการขายพลังงานโดยตรง หรือที่เรียกกันว่าการทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง (Direct Power Purchase Agreement : Direct PPA) ซึ่งในเรื่องของราคาขอให้พร้อมในการแข่งขันได้กับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งได้ข่าวว่าที่ประเทศมาเลเซียก็ค่อนข้างแพง ก็ขอให้เทียบกับประเทศเพื่อนบ้านที่ค่อนข้างอยู่ในโซนที่เราสามารถแข่งขันได้ ขอฝากไว้ให้คิดมาด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน อยู่ระหว่างการหารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงทางกฎหมาย ภายหลังจากนายพีระพันธุ์ได้สั่งทบทวนหลักเกณฑ์การรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด 3,600 เมกะวัตต์ เนื่องจากเห็นว่าการไปให้สิทธิ์กับผู้พลาดการประมูลในรอบแรก 5,203 เมกะวัตต์ ที่มีการรับซื้อในส่วนแรก 2,100 เมกะวัตต์ เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง และเห็นควรว่าต้องเป็นการเปิดประมูลเป็นการทั่วไป
นายพีระพันธุ์เปิดเผยภายหลังการประชุม กพช.ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาการกำหนดอัตราการส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำหรับน้ำมันที่ทำในราชอาณาจักร และน้ำมันที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในราชอาณาจักร และก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่ใช้เป็นก๊าซหุงต้มหรือก๊าซไฮโดรคาร์บอนเหลว พ.ศ.2567 เนื่องจากประกาศเดิมจะครบกำหนดในวันที่ 30 พ.ย.นี้ โดยกำหนดอัตราสำหรับน้ำมันที่ทำในราชอาณาจักร และน้ำมันที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในราชอาณาจักร 0.0500 บาทต่อลิตร และก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่ใช้เป็นก๊าซหุงต้ม หรือก๊าซไฮโดร คาร์บอนเหลว ในอัตรา 0.0000 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.นี้ เป็นต้นไป
นอกจากนี้ ได้เห็นชอบให้กระทรวงพลังงานเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอทบทวนมติ ครม. เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2544 ที่เห็นชอบตามมติ กพช. เมื่อวันที่ 26 พ.ย.2544 มีสาระสำคัญให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลัก รับผิดชอบดูแลงานด้านการกำหนดนโยบายและมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับปิโตรเลียม และให้หน่วยงานที่มีความประสงค์ขอรับการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับปิโตรเลียมดำเนินการจัดทำคำขอรับการจัดสรรงบประมาณโดยตรงตั้งแต่ปีงบประมาณ 2569 เป็นต้นไป.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่