นายวิชานัน นิวาตจินดา รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 66 ใหม่เป็นขยายตัว 1.7-2.7% ค่ากลาง 2.2% จากเดิม 2.0-3.0% ค่ากลาง 2.5% หลังจากที่สถานการณ์ต่างๆเปลี่ยนแปลงไป โดยได้ปรับสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยทั้งปีนี้เหลือ 75-85 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล จากเดิมที่ 85-95 เหรียญฯ ค่าเงินบาทปรับเป็น 32.5-34.5 บาทต่อเหรียญฯ จากเดิม 36-37 บาทต่อเหรียญฯและหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจะทบทวนใหม่อีกครั้ง
“การปรับตัวเลขใหม่เป็นเพราะคาดว่าราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกไม่น่าจะดีดขึ้นไปเกินกว่าปีก่อน หรือสวิงช่วงแคบๆ เทียบกับปีก่อน แม้กลุ่มโอเปกได้ลดกำลังการผลิตลงอีกวันละ 1 ล้านบาร์เรล รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทำให้ต้นทุนการนำเข้าน้ำมันและวัตถุดิบต่างๆลดลง ซึ่งส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการมีแนวโน้มลดลงได้”
นอกจากนี้ ยังคาดว่าเงินเฟ้อไตรมาส 2 ปีนี้ มีแนวโน้มชะลอตัว เพราะราคาสินค้าสำคัญหลายรายการมีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิง ประกอบกับฐานราคาปี 65 อยู่ในระดับสูง และเดือน เม.ย.65 ฐานราคาสูงสุดในรอบปี อีกทั้งมีมาตรการช่วยค่าครองชีพภาครัฐ, ส่งออกชะลอตัวและการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่อาจทำให้กำลังซื้อของภาคธุรกิจและประชาชนลดลง อย่างไรก็ตาม ค่าไฟฟ้า และก๊าซหุงต้มที่ยังอยู่ระดับสูง รวมทั้งการขาดแคลนแรงงาน ยังคงเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้นทุนอยู่ระดับสูง นอกจากนี้ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่มีวันหยุดยาวการหาเสียงจะมีเม็ดเงินเข้ามาจำนวนมากจะส่งผลให้มีการใช้จ่ายมากขึ้น อาจทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นได้แต่ก็ไม่น่าห่วง
สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (เงินเฟ้อ) เดือน มี.ค.66 อยู่ที่ 107.76 สูงขึ้น 2.83% เทียบระยะเดียวกันปีก่อนชะลอตัวเป็นเดือนที่ 3 และต่ำสุดในรอบ 15 เดือนนับจาก ม.ค.65 อยู่ในกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อของกระทรวงการคลัง และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ส่วนเมื่อเทียบเดือน ก.พ.65 ลดลง 0.27% และเฉลี่ย 3 เดือน (ม.ค.-มี.ค.) สูงขึ้น 3.88% เทียบช่วงเดียวกันปี 65 ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานสูงขึ้น 1.75% เทียบเดือน มี.ค.65 ชะลอตัวต่อเนื่องจากเดือน ก.พ.66 ที่สูงขึ้น 1.93%.