พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เปิดเผยว่า ขณะนี้ตำรวจท่องเที่ยวอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานของเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งภายหลังการท่องเที่ยวฟื้นตัวทำให้มีกลุ่มทัวร์อั้งยี่ ทัวร์ศูนย์เหรียญ นอมินี ไกด์เถื่อน และอาชญากรข้ามชาติที่ไม่ใช่แค่จีน แต่รวมถึงยุโรปตะวันออก อเมริกาใต้ที่แฝงมากับนักท่องเที่ยวกระจายอยู่ในเมืองหลัก อาทิ เชียงใหม่ พัทยา ภูเก็ต กรุงเทพฯ ซึ่งตำรวจท่องเที่ยวมีความกังวล อย่างมาก เมื่อรวบรวมหลักฐานครบก็พร้อมลุยจับกุมทันที ไม่เช่นนั้นจะกระทบต่อภาพลักษณ์ท่องเที่ยวไทย
“ต้องรวบรวมหลักฐานให้พร้อม เพราะอาชญากรข้ามชาติสมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน เพราะมีการตั้งหลัก มีเงิน มีทนายความ มีทางหนีทีไล่ รู้ช่องว่างทางกฎหมาย นี่คือ อาชญากรแบบมืออาชีพและไม่ได้มีแค่ในประเทศ แต่เป็นเครือข่ายทั่วโลก แต่ทั้งหมดนี้ต้องรอบคอบ รีบร้อนไป ตำรวจอาจถูกฟ้องได้ ยิ่งทัวร์อั้งยี่เป็นองค์กรอาชญากรรม ตำรวจจึงไม่อยากไปจับปลาซิวปลาสร้อย ต้องสาวไปให้ได้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือใคร ต่างชาติหรือว่าอยู่ในไทย หรือว่าเป็นชาวต่างชาติที่หุ้นส่วนกับคนไทย มีคนมีสีเข้าไปเกี่ยวด้วยหรือไม่”
พล.ต.ต.อภิชาติกล่าวต่อว่า ประเทศไทยได้รับความเสียหายจากทัวร์อั้งยี่ 3 ด้าน ได้แก่ 1. กระบวนการยุติธรรมของไทยถูกท้าทายมีความเสียหายในด้านความเชื่อมั่น 2.การมีทุนต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยแบบผิดกฎหมาย ทำให้เราไม่สามารถเก็บภาษีได้แบบเต็มเม็ดเต็ม หน่วย คนไทยถูกแย่งอาชีพ 3.หากมีคนต่างชาติเข้ามาแย่งอาชีพท่องเที่ยวของคนไทยจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทย และเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งมีความซับซ้อนมากขึ้น ในแง่อาชญา กรรมทางคอมพิวเตอร์ อาชญากรรมเครือข่าย ท้ายสุดก็เป็นอาชญากรรมข้ามชาติ
“ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่รวมถึงประชาชนด้วย เพราะจำนวนเจ้าหน้าที่ในตอนนี้ไม่มีทางที่จะมีสายตาสอดส่องดูแลได้ครบถ้วนอยู่แล้ว ทำให้หากประชาชนให้ความร่วมมือ ก็จะช่วยให้การปฏิบัติหน้าที่ดีมากกว่าเดิม โดยตอนนี้การแจ้งเบาะแสของประชาชนที่มีเพิ่มขึ้น ผ่านสายด่วน 1155 ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดี สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าหนักใจ แต่ไม่กลัว เพราะทุกประเทศย่อมมีปัญหาและเชื่อว่าไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ”.